พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 94

วันที่ 09 เดือน 11 ปี 2023

สิทธิอำนาจของพระผู้สร้างไม่ถูกจำกัดควบคุมโดยเวลา พื้นที่ หรือภูมิประเทศ และสิทธิอำนาจของพระผู้สร้างนั้นเกินกว่าการคิดคำนวณ (บทตอนที่คัดมา)

พวกเรามาดูปฐมกาล 22:17-18 กันเถิด นี่คืออีกบทตอนหนึ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าได้ตรัสไว้ ซึ่งพระองค์ได้ตรัสกับอับราฮัมว่า "ดังนั้นเราจะอวยพรเจ้าแน่ เราจะทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากขึ้น ดังดวงดาวในท้องฟ้า และดังเม็ดทรายบนฝั่งทะเล เชื้อสายของเจ้าจะได้ประตูเมืองศัตรูทั้งหลายของเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์ ประชาชาติทั้งหมดในโลกจะได้พรเพราะเชื้อสายของเจ้า เพราะว่าเจ้าเชื่อฟังเรา" พระยาห์เวห์พระเจ้าได้ทรงอวยพรอับราฮัมหลายครั้งว่าให้เชื้อสายของเขาเพิ่มทวีขึ้น ว่าแต่ว่า พวกเขาจะเพิ่มทวีขึ้นไปถึงขอบข่ายไหนกัน? ถึงขอบข่ายที่ได้ถูกกล่าวไว้ในองค์พระคัมภีร์ความว่า "ดังดวงดาวในท้องฟ้า และดังเม็ดทรายบนฝั่งทะเล" นี่เป็นการกล่าวว่า พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะประทานหน่อเนื้อเชื้อไขให้อับราฮัมเป็นจำนวนมากเหมือนดวงดาวในท้องฟ้า และเหลือเฟือเหมือนเม็ดทรายบนฝั่งทะเล พระเจ้าตรัสไปโดยใช้จินตภาพ และจากจินตภาพนี้ก็ไม่ยากที่จะมองเห็นว่าพระเจ้าจะไม่ประทานพงศ์พันธุ์ให้แก่อับราฮัมเพียงหนึ่ง สอง หรือแม้แต่เพียงหลายพันคน แต่เป็นจำนวนที่นับไม่ถ้วน มากพอที่พวกเขาจะกลายเป็นมวลชนแห่งประชาชาติ เพราะพระเจ้าได้ทรงสัญญากับอับราฮัมไว้ว่า เขาจะได้เป็นบิดาแห่งประชาชาติมากมาย บัดนี้ จำนวนนั้นตัดสินโดยมนุษย์ หรือว่ามันถูกตัดสินโดยพระเจ้า? มนุษย์สามารถควบคุมจำนวนพงศ์พันธุ์ที่เขามีได้กระนั้นหรือ? มันขึ้นอยู่กับเขากระนั้นหรือ? มันไม่แม้กระทั่งจะขึ้นอยู่กับมนุษย์ในการที่เขาจะมีหลายคนหรือไม่ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรที่จะมีมากมายดัง "ดวงดาวในท้องฟ้า และดังเม็ดทรายบนฝั่งทะเล" ผู้ใดกันที่ไม่ปรารถนาจะให้เชื้อสายของพวกเขามีจำนวนมากมายเหมือนดวงดาว? น่าเสียดายที่มิใช่ว่าสิ่งทั้งหลายจะออกมาในหนทางที่เจ้าต้องการเสมอ ไม่ว่ามนุษย์จะเปี่ยมทักษะหรือความสามารถเพียงใด มันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขา ไม่มีผู้ใดสามารถยืนอยู่ภายนอกสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงลิขิตไว้ได้ ไม่ว่าพระองค์ทรงอนุญาตให้เจ้ามากเพียงใด เจ้าก็จะมีมากเพียงเท่านั้น กล่าวคือ หากพระเจ้าทรงมอบให้เจ้าน้อยนิด เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็จะไม่มีวันมีมาก และหากพระเจ้าทรงมอบให้เจ้ามากมาย ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะไม่พอใจว่าเจ้ามีมากเพียงใด นี่ไม่ใช่กรณีนี้หรอกหรือ? ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับพระเจ้า ไม่ใช่มนุษย์! มนุษย์นั้นถูกปกครองโดยพระเจ้า และไม่มีผู้ใดได้รับการยกเว้น!

เมื่อพระเจ้าได้ตรัสว่า "เราจะทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากขึ้น" นี่คือพันธสัญญาที่พระเจ้าได้ทรงตั้งขึ้นกับอับราฮัม และมันก็จะสำเร็จลุล่วงไปจนชั่วกัลปาวสานดังเช่นพันธสัญญาแห่งรุ้ง และมันยังเป็นพระสัญญาที่พระเจ้าได้ทรงทำแก่อับราฮัมด้วยเช่นกัน มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงมีคุณสมบัติเหมาะสมและมีความสามารถที่จะทำพระสัญญานี้ให้กลายเป็นจริงได้ ไม่ว่ามนุษย์จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ไม่ว่ามนุษย์จะยอมรับหรือไม่ก็ตาม และไม่ว่ามนุษย์จะมีทรรศนะหรือคำนึงถึงมันอย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้จะลุล่วงไปอย่างพอดิบพอดีตามพระวจนะที่พระเจ้าได้ตรัสไป พระวจนะของพระเจ้าจะไม่ปรับเปลี่ยนเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในเจตจำนงหรือมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์ และมันจะไม่ปรับเปลี่ยนเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในบุคคล เหตุการณ์ หรือสิ่งอันใด ทุกสรรพสิ่งอาจปลาสนาการไป แต่พระวจนะของพระเจ้าจะคงอยู่ตลอดกาล ในความเป็นจริงแล้ว วันที่ทุกสรรพสิ่งปลาสนาการไปนั้น ก็คือวันที่พระวจนะของพระเจ้าลุล่วงอย่างครบบริบูรณ์พอดี เพราะพระองค์ทรงเป็นพระผู้สร้าง พระองค์ทรงครองสิทธิอำนาจของพระผู้สร้าง ฤทธานุภาพของพระผู้สร้าง และพระองค์ทรงควบคุมทุกสรรพสิ่งและพลังชีวิตทั้งหมด พระองค์ทรงสามารถทำให้บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นมาจากความว่างเปล่า หรือทำให้บางสิ่งบางอย่างกลายเป็นความว่างเปล่าได้ และพระองค์ทรงควบคุมการแปลงสภาพของทุกสรรพสิ่งจากมีชีวิตอยู่ให้ตายได้ กล่าวคือ สำหรับพระเจ้าแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่สามารถเรียบง่ายไปกว่าการเพิ่มทวีเมล็ดพันธุ์ของใครบางคน การนี้ฟังดูเป็นเรื่องเพ้อฝันสำหรับมนุษย์ เหมือนกับเทพนิยายเรื่องหนึ่ง แต่สำหรับพระเจ้าแล้ว สิ่งที่พระองค์ตัดสินพระทัยและทรงสัญญาที่จะทำนั้นไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน อีกทั้งไม่ใช่เทพนิยาย ตรงกันข้าม มันเป็นข้อเท็จจริงที่พระเจ้าได้ทรงมองเห็นแล้ว และที่จะต้องสำเร็จลุล่วงอย่างแน่ใจได้เลย พวกเจ้าซาบซึ้งกับการนี้หรือไม่? ข้อเท็จจริงเหล่านี้พิสูจน์ว่าพงศ์พันธุ์ของอับราฮัมมีจำนวนมากมายหรือไม่? พวกเขามีจำนวนมากมายเพียงใด? พวกเขามีจำนวนมากมายดัง "ดวงดาวในท้องฟ้า และดังเม็ดทรายบนฝั่งทะเล" ที่พระเจ้าได้ตรัสไว้หรือไม่? พวกเขาได้แพร่กระจายไปทั่วประชาชาติและภูมิภาคทั้งปวง ไปถึงทุกที่ในโลกหรือไม่? ข้อเท็จจริงนี้สำเร็จลุล่วงโดยผ่านทางสิ่งใด? มันสำเร็จลุล่วงโดยสิทธิอำนาจแห่งพระวจนะของพระเจ้าใช่หรือไม่? พระวจนะของพระเจ้าได้ถูกทำให้ลุล่วงต่อไป และกลายเป็นข้อเท็จจริงอยู่เนืองนิตย์มาเป็นเวลาหลายร้อยหรือหลายพันปีหลังจากที่พระวจนะของพระเจ้าได้ถูกตรัสไป นี่คือพระอิทธิฤทธิ์แห่งพระวจนะของพระเจ้า และเป็นข้อพิสูจน์ถึงสิทธิอำนาจของพระเจ้า เมื่อพระเจ้าได้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่งในปฐมกาลนั้น พระเจ้าได้ตรัสว่า "จงเกิดความสว่าง" และความสว่างก็เกิดขึ้น การนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ลุล่วงไปในเวลาอันสั้นมาก และไม่มีความล่าช้าในความสำเร็จลุล่วงของการนั้นและในการทำให้การนั้นลุล่วง กล่าวคือ ผลแห่งพระวจนะของพระเจ้านั้นเกิดขึ้นฉับพลัน ทั้งสองนั้นเป็นการเผยแสดงสิทธิอำนาจของพระเจ้า แต่เมื่อตอนที่พระเจ้าได้ทรงอวยพรให้อับราฮัมนั้น พระองค์ได้ทรงเปิดโอกาสให้มนุษย์มองเห็นแก่นแท้อีกด้านหนึ่งของสิทธิอำนาจของพระเจ้า ตลอดจนข้อเท็จจริงที่ว่า สิทธิอำนาจของพระผู้สร้างนั้นเกินกว่าการคิดคำนวณ และยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ได้ทรงเปิดโอกาสให้มนุษย์มองเห็นสิทธิอำนาจของพระผู้สร้างในด้านที่เป็นจริงยิ่งขึ้นและวิจิตรบรรจงยิ่งขึ้น

ทันทีที่พระวจนะของพระเจ้าถูกดำรัสออกไป สิทธิอำนาจของพระเจ้าก็เข้าบัญชาพระราชกิจนี้ และข้อเท็จจริงที่ให้สัญญาโดยพระโอษฐ์ของพระเจ้าก็ค่อยๆ เริ่มกลายเป็นความเป็นจริง ผลลัพธ์ก็คือ การเปลี่ยนแปลงทั้งหลายเริ่มปรากฏขึ้นท่ามกลางทุกสรรพสิ่ง เหมือนกันอย่างยิ่งกับลักษณะที่ต้นหญ้ากลับเป็นสีเขียวเมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง ดอกไม้ผลิบาน ตาอ่อนแตกจากต้นไม้ นกเริ่มขับขาน ห่านป่าหวนคืน และท้องทุ่งก็คับคั่งไปด้วยผู้คน…ทุกสรรพสิ่งชุบฟื้นคืนมาด้วยการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิ และนี่คือกิจการอันเปี่ยมปาฏิหาริย์ของพระผู้สร้าง เมื่อพระเจ้าทรงทำพระสัญญาของพระองค์ให้สำเร็จลุล่วง ทุกสรรพสิ่งในสวรรค์และแผ่นดินโลกจะเริ่มต้นใหม่และเปลี่ยนแปลงไปตามพระดำริของพระเจ้า—ไม่มีสิ่งใดได้รับการยกเว้น เมื่อข้อผูกพันหรือสัญญาหนึ่งถูกดำรัสจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า ทุกสรรพสิ่งจะทำหน้าที่เพื่อการทำให้ข้อผูกพันหรือสัญญานั้นลุล่วง และถูกยักย้ายเพื่อประโยชน์ของการทำให้ข้อผูกพันหรือสัญญานั้นลุล่วง สรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวงถูกจัดวางเรียบเรียงและจัดการเตรียมการภายใต้อำนาจครอบครองของพระผู้สร้าง โดยแสดงบทบาทตามลำดับของพวกมัน และปฏิบัติหน้าที่ตามลำดับของพวกมัน นี่คือการสำแดงสิทธิอำนาจของพระผู้สร้าง เจ้าเห็นสิ่งใดในการนี้หรือ? เจ้ารู้จักสิทธิอำนาจของพระเจ้าได้อย่างไร? สิทธิอำนาจของพระเจ้ามีช่วงขอบเขตหรือไม่? มีจำกัดเวลาหรือไม่? สามารถกล่าวได้หรือไม่ว่า มีความสูงที่แน่นอนหรือมีความยาวที่แน่นอน? สามารถกล่าวได้หรือไม่ว่า มีขนาดหรือความแข็งแรงที่แน่นอน? สามารถวัดตามมิติทั้งหลายของมนุษย์ได้หรือไม่? สิทธิอำนาจของพระเจ้าไม่กระพริบเปิดและปิด ไม่มาและไป และไม่มีผู้ใดสามารถวัดได้ว่า สิทธิอำนาจของพระเจ้ายิ่งใหญ่เพียงใด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปมากเพียงใด เมื่อพระเจ้าทรงอวยพรบุคคลหนึ่ง พระพรนี้จะดำเนินต่อเนื่องไป และความต่อเนื่องของมันจะเป็นสักขีพยานถึงสิทธิอำนาจอันไม่อาจประเมินได้ของพระเจ้า และจะเปิดโอกาสให้มวลมนุษย์ได้เห็นการปรากฏอีกครั้งของพลังชีวิตอันมิอาจดับสลายได้ของพระผู้สร้าง ครั้งแล้วครั้งเล่า การแสดงสิทธิอำนาจของพระองค์แต่ละครั้งคือการสาธิตแสดงอันเพียบพร้อมของพระวจนะจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า ซึ่งสาธิตแสดงแก่ทุกสรรพสิ่ง และแก่มวลมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่สำเร็จลุล่วงโดยสิทธิอำนาจของพระองค์นั้นวิจิตรบรรจงเกินกว่าจะเปรียบ และไร้ข้อตำหนิโดยสิ้นเชิง สามารถกล่าวได้ว่าพระดำริของพระองค์ พระวจนะของพระองค์ สิทธิอำนาจของพระองค์ และพระราชกิจทั้งหมดที่พระองค์ทรงทำให้สำเร็จลุล่วงนั้นล้วนเป็นภาพสวยงามอย่างมิอาจหาใดเปรียบได้ และสำหรับสิ่งทรงสร้างทั้งหลายนั้น ภาษาของมวลมนุษย์ก็ไม่สามารถร้อยเรียงเป็นคำพูดสละสลวยถึงนัยสำคัญและคุณค่าของมันได้ เมื่อพระเจ้าทรงทำพระสัญญากับบุคคลหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับพวกเขาก็เป็นที่คุ้นเคยของพระเจ้าดุจดังหลังพระหัตถ์ของพระองค์เอง ไม่ว่าพวกเขาจะดำรงชีวิตอยู่ที่ใด หรือพวกเขาทำสิ่งใด ภูมิหลังของพวกเขาก่อนหรือหลังจากที่พวกเขาได้รับพระสัญญา หรือกลียุคที่เกิดในสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตของพวกเขาจะใหญ่หลวงเพียงใดก็ตาม ไม่สำคัญว่าเวลาจะล่วงเลยไปมากเพียงใดหลังจากที่พระวจนะของพระเจ้าได้ถูกตรัสไป สำหรับพระองค์แล้วมันเป็นราวกับว่าพระวจนะเหล่านั้นเพิ่งได้ถูกดำรัสไป นี่เป็นการกล่าวว่าพระเจ้าทรงมีฤทธานุภาพ และทรงมีสิทธิอำนาจชนิดที่พระองค์ทรงสามารถควบคุม ลุล่วง และอยู่ในร่องครรลองของพระสัญญาทุกอย่างที่พระองค์ทรงทำกับมนุษย์ได้ และไม่ว่าพระสัญญานั้นจะเป็นสิ่งใด ไม่ว่าต้องใช้เวลายาวนานเพียงใดในการทำให้ลุล่วงอย่างครบบริบูรณ์ และยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าความสำเร็จลุล่วงของพระสัญญานั้นสัมผัสวงเขตที่กว้างขวางเพียงใดก็ตาม—ยกตัวอย่างเช่น เวลา ภูมิประเทศ เชื้อชาติ และอื่นๆ—พระสัญญานี้ก็จะสำเร็จลุล่วงและได้รับการทำให้ลุล่วง และยิ่งไปกว่านั้น ความสำเร็จลุล่วงและการทำให้ลุล่วงของพระสัญญาจะไม่พึงต้องมีความพยายามของพระองค์เลยแม้เพียงน้อยนิด การนี้พิสูจน์ถึงสิ่งใดหรือ? มันพิสูจน์ให้เห็นว่า สิทธิอำนาจและฤทธานุภาพของพระเจ้านั้นมีความกว้างขวางเพียงพอที่จะควบคุมทั้งจักรวาล และมวลมนุษย์ทั้งผอง พระเจ้าได้ทรงทำให้มีความสว่าง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพระเจ้าทรงเพียงบริหารจัดการความสว่างเท่านั้น หรือว่าพระองค์ทรงเพียงบริหารจัดการน้ำเพราะพระองค์ได้ทรงสร้างน้ำขึ้นมาเท่านั้น และว่าสิ่งอื่นใดทุกสิ่งนั้นไม่สัมพันธ์กับพระเจ้า นี่ไม่น่าจะเป็นการเข้าใจผิดหรอกหรือ? ถึงแม้ว่าการที่พระเจ้าทรงอวยพรอับราฮัมนั้นได้ค่อยๆ เลือนหายไปจากความทรงจำของมนุษย์แล้วหลังผ่านไปหลายร้อยปี แต่สำหรับพระเจ้า พระสัญญานี้จะยังคงอยู่เหมือนเดิม มันยังคงอยู่ในกระบวนการแห่งความสำเร็จลุล่วง และไม่เคยได้หยุดลงเลย มนุษย์ไม่เคยรู้หรือไม่เคยได้ยินว่า พระเจ้าทรงนำสิทธิอำนาจของพระองค์มาใช้อย่างไร ทุกสรรพสิ่งได้รับการจัดวางเรียบเรียงและจัดการเตรียมการอย่างไร และเรื่องราวที่เกิดขึ้นท่ามกลางทุกสรรพสิ่งแห่งการทรงสร้างของพระเจ้าในระหว่างกาลสมัยนี้นั้นน่าอัศจรรย์มากเพียงใด แต่งานแสดงอันน่าอัศจรรย์ทุกชิ้นเกี่ยวกับสิทธิอำนาจของพระเจ้า และการเปิดเผยถึงกิจการทั้งหลายของพระองค์ได้ถูกส่งต่อและเป็นที่ยกย่องท่ามกลางทุกสรรพสิ่ง ทุกสรรพสิ่งได้แสดงออกไปและได้พูดถึงกิจการอันเปี่ยมปาฏิหาริย์ทั้งหลายของพระผู้สร้าง และเรื่องราวที่เล่าขานกันมากแต่ละเรื่องเกี่ยวกับอธิปไตยของพระผู้สร้างเหนือทุกสรรพสิ่งจะได้รับการกล่าวประกาศโดยทุกสรรพสิ่งมากยิ่งขึ้นตลอดกาล สิทธิอำนาจที่พระเจ้าทรงใช้ปกครองทุกสรรพสิ่ง และฤทธานุภาพของพระเจ้า แสดงให้ทุกสรรพสิ่งเห็นว่า พระเจ้าสถิตอยู่ทุกแห่งหนและทุกเวลา เมื่อเจ้าได้เป็นพยานความแพร่หลายแห่งสิทธิอำนาจและฤทธานุภาพของพระเจ้าแล้ว เจ้าจะเห็นว่าพระเจ้าสถิตอยู่ทุกแห่งหนและทุกเวลา สิทธิอำนาจและฤทธานุภาพของพระเจ้าไม่ถูกจำกัดควบคุมโดยเวลา ภูมิประเทศ พื้นที่ หรือบุคคล เหตุการณ์ หรือสิ่งอันใด ความกว้างขวางของสิทธิอำนาจและฤทธานุภาพของพระองค์นั้นเกินล้ำจินตนาการของมนุษย์ เป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่อาจหยั่งถึงได้ มนุษย์ไม่อาจจินตนาการได้ และมนุษย์จะไม่มีวันรู้จักโดยครบบริบูรณ์

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 1

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger