พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 8

วันที่ 15 เดือน 02 ปี 2024

จงเดินในทางของพระเจ้า นั่นคือ จงยำเกรงพระเจ้าและหลบเลี่ยงความชั่ว

มีคติพจน์หนึ่งที่พวกเจ้าควรจดบันทึกไว้ เราเชื่อว่าคติพจน์นี้สำคัญมาก เพราะสำหรับเราแล้ว มันเข้ามาในความคิดจิตใจนับครั้งไม่ถ้วนในทุกๆ วัน เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? เป็นเพราะทุกครั้งที่เราต้องเผชิญหน้ากับใครบางคน ทุกครั้งที่เราได้ยินเรื่องราวของใครบางคน และทุกครั้งที่เราได้รับฟังประสบการณ์หรือคำพยานของบุคคลหนึ่งเกี่ยวกับการเชื่อในพระเจ้า เรามักจะใช้คติพจน์นี้เพื่อกำหนดพิจารณาในหัวใจของเราเสมอ ว่าบุคคลผู้นี้เป็นบุคคลชนิดที่พระเจ้าทรงต้องประสงค์และเป็นบุคคลชนิดที่พระเจ้าทรงชอบหรือไม่ ดังนั้น เช่นนั้นแล้วคติพจน์นี้คืออะไรหรือ? ตอนนี้เราได้ทำให้พวกเจ้าสนใจจนนั่งไม่ติดแล้ว เมื่อเราเปิดเผยคติพจน์นั้น บางทีพวกเจ้าจะรู้สึกผิดหวัง เพราะมีบางคนได้พูดคติพจน์นั้นพล่อยๆ เพียงลมปากมานานหลายปีแล้ว อย่างไรก็ตาม เราไม่เคยพูดคติพจน์นั้นพล่อยๆ เพียงลมปากเลยแม้สักครั้ง คติพจน์นี้พักอาศัยอยู่ในหัวใจเรา ดังนั้นคติพจน์นี้คืออะไรเล่า? คติพจน์นี้ก็คือ "จงเดินในทางของพระเจ้า นั่นคือ จงยำเกรงพระเจ้าและหลบเลี่ยงความชั่ว" นี่ไม่ใช่วลีที่เรียบง่ายเหลือเกินกระนั้นหรือ? ถึงอย่างนั้นก็ตาม แม้จะมีความเรียบง่าย แต่ผู้คนที่มีความเข้าใจลึกซึ้งในคำพูดเหล่านี้อย่างแท้จริง จะรู้สึกว่าพวกมันมีความหนักแน่นอย่างยิ่ง รู้สึกว่าคติพจน์นี้มีคุณค่ามากต่อการฝึกฝนปฏิบัติของคนเรา รู้สึกว่ามันเป็นบรรทัดหนึ่งจากภาษาแห่งชีวิตที่ประกอบด้วยความเป็นจริงของความจริง รู้สึกว่ามันเป็นตัวแทนของวัตถุประสงค์ตลอดชีพสำหรับพวกที่กำลังพยายามทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัย และรู้สึกว่ามันเป็นหนทางตลอดชีพที่ใครก็ตามที่คำนึงถึงเจตนารมณ์ของพระเจ้าควรทำตาม ดังนั้นเจ้าคิดอย่างไรว่า คติพจน์นี้มิใช่ความจริงหรอกหรือ? คติพจน์นี้มีหรือไม่มีนัยสำคัญเช่นนั้น? นอกจากนั้นแล้ว บางทีพวกเจ้าบางคนอาจกำลังนึกถึงคติพจน์นี้ และกำลังพยายามขบคิดความหมายอยู่ และบางทีอาจมีพวกเจ้าบางคนที่กระทั่งรู้สึกกังขาเกี่ยวกับคติพจน์นี้ว่า คติพจน์นี้สำคัญมากนักหรือ? มันสำคัญมากหรือไม่? จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องเน้นคติพจน์นี้มากขนาดนั้น? อาจมีพวกเจ้าบางคนที่ไม่ชอบคติพจน์นี้มากนักเพราะพวกเจ้าคิดว่าการนำเอาทางของพระเจ้ามากลั่นให้เป็นคติพจน์หนึ่งคำนี้เป็นการอธิบายที่ง่ายเกินจริงมากเกินไป การนำเอาทั้งหมดที่พระเจ้าตรัสมาสรุปให้เป็นคติพจน์เดียว—นั่นจะไม่ทำให้พระเจ้าทรงกลายเป็นไร้นัยสำคัญมากเกินไปหรอกหรือ? มันเป็นอย่างนั้นหรอกหรือ? อาจเป็นไปได้ว่าพวกเจ้าส่วนใหญ่ไม่เข้าใจนัยสำคัญอันลุ่มลึกซึ้งของคำพูดเหล่านี้อย่างเต็มที่ แม้ว่าพวกเจ้าจะได้จดบันทึกไว้ทั้งหมดแล้ว แต่พวกเจ้าก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะจัดเก็บคติพจน์นี้ไว้ในหัวใจของพวกเจ้า พวกเจ้าเพียงได้เขียนมันลงในสมุดบันทึกของพวกเจ้าเพื่อจะได้กลับไปอ่านและไตร่ตรองในเวลาว่างของพวกเจ้า พวกเจ้าบางคนจะไม่แม้แต่วุ่นวายที่จะจดจำคติพจน์นี้ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการลองพยายามใช้คติพจน์นี้ให้เกิดประโยชน์ที่ดี แม้กระนั้น เหตุใดหรือเราจึงปรารถนาที่จะพาดพิงถึงคติพจน์นี้? โดยไม่คำนึงถึงมุมมองของพวกเจ้าและไม่สำคัญว่าพวกเจ้าจะคิดอะไร เราจำเป็นต้องพาดพิงถึงคติพจน์นี้ เนื่องจากว่าคติพจน์นี้มีความเกี่ยวเนื่องอย่างที่สุดกับวิธีที่พระเจ้าทรงกำหนดพิจารณาบทอวสานของผู้คน ไม่สำคัญว่าความเข้าใจปัจจุบันของพวกเจ้าในคติพจน์นี้จะเป็นอะไร หรือเจ้าจะปฏิบัติต่อคติพจน์นี้อย่างไร เราจะยังคงบอกพวกเจ้าดังนี้ว่า หากผู้คนสามารถนำคำพูดของคติพจน์นี้ไปปฏิบัติ และรับประสบการณ์กับคำพูดเหล่านั้น และสัมฤทธิ์มาตรฐานแห่งการยำเกรงพระเจ้าและการหลบเลี่ยงความชั่วได้ เช่นนั้นแล้วพวกเขาก็จะมั่นใจว่าจะเป็นผู้อยู่รอดและแน่ใจว่าจะมีบทอวสานที่ดี อย่างไรก็ตาม หากพวกเจ้าไม่สามารถตอบสนองมาตรฐานที่คติพจน์นี้ได้กำหนดไว้ เช่นนั้นแล้วอาจกล่าวได้ว่าจะไม่มีใครรู้บทอวสานของพวกเจ้าเลย ดังนั้นเราจึงพูดกับพวกเจ้าเกี่ยวกับคติพจน์นี้ก็เพื่อการตระเตรียมด้านจิตใจของพวกเจ้าเอง และเพื่อให้พวกเจ้าจะได้รู้ว่าพระเจ้าทรงใช้มาตรฐานประเภทใดในการประเมินวัดพวกเจ้า

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, วิธีรู้จักพระอุปนิสัยของพระเจ้าและผลลัพธ์ที่พระราชกิจของพระองค์จะสัมฤทธิ์

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

วิดีโอประเภทอื่นๆ

Leave a Reply

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger