พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การเปิดโปงมโนคติอันหลงผิดทางศาสนา | บทตัดตอน 298

วันที่ 04 เดือน 02 ปี 2024

นี่อาจทำให้ผู้คนส่วนใหญ่นึกถึงพระวจนะของพระเจ้าจากหนังสือปฐมกาล ความว่า "ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาของเรา ตามอย่างของเรา" (ปฐมกาล 1:26) เมื่อคำนึงถึงว่าพระเจ้าทรงตรัสว่า ให้ "เรา" สร้างมนุษย์ตามฉายา "ของเรา" เช่นนั้นแล้ว "เรา" บ่งบอกถึงสองขึ้นไป เนื่องจากพระองค์ได้ทรงระบุว่า "เรา" เช่นนั้นแล้วก็ไม่ใช่มีพระเจ้าเพียงหนึ่งเดียว ในหนทางนี้ มนุษย์ได้เริ่มคิดในความเป็นนามธรรมขององค์ที่แตกต่างกันชัดเจน และจากพระวจนะเหล่านี้ก็ได้เกิดแนวคิดเกี่ยวกับพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ขึ้นมา เช่นนั้นแล้วพระบิดาทรงเป็นเหมือนสิ่งใด? พระบุตรทรงเป็นเหมือนสิ่งใด? และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นเหมือนสิ่งใด? มันอาจสามารถเป็นไปได้หรือไม่ที่มวลมนุษย์ของวันนี้จะถูกสร้างขึ้นตามพระฉายาขององค์หนึ่งเดียวที่เกิดจากการรวมกันของสามองค์? เช่นนั้นแล้ว ฉายาของมนุษย์จะเป็นเหมือนพระฉายาของพระบิดา พระบุตร หรือพระวิญญาณบริสุทธิ์กันเล่า? มนุษย์ถูกสร้างตามพระฉายาของพระองค์ใดของพระเจ้ากันเล่า? แนวคิดนี้ของมนุษย์แค่ไม่ถูกต้องและไร้สาระสิ้นดี! มันทำได้เพียงแค่แบ่งพระเจ้าหนึ่งเดียวออกเป็นพระเจ้าหลายพระองค์เท่านั้น ณ เวลาที่โมเสสได้เขียนหนังสือปฐมกาล เป็นเวลาหลังจากที่มวลมนุษย์ได้ถูกสร้างขึ้นภายหลังการทรงสร้างโลก ในแรกเริ่มนั้น เมื่อโลกได้เริ่มต้นขึ้น โมเสสไม่ได้ดำรงอยู่ และโมเสสไม่ได้เขียนพระคัมภีร์จนกระทั่งหลังจากนั้นนานมาก ดังนั้น เป็นไปได้อย่างไรที่เขาอาจสามารถรู้ว่าพระเจ้าในฟ้าสวรรค์ได้ตรัสสิ่งใด? เขาไม่ได้ระแคะระคายเลยว่าพระเจ้าได้ทรงสร้างโลกนี้ ในพันธสัญญาเดิมของพระคัมภีร์ ไม่มีการกล่าวถึงพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ โดยมีเพียงการกล่าวถึงพระเจ้าเที่ยงแท้หนึ่งเดียวเท่านั้น คือพระยาห์เวห์ ที่ทรงดำเนินพระราชกิจของพระองค์ในอิสราเอล พระองค์ได้รับการเรียกขานโดยพระนามที่แตกต่างกันไปตามการเปลี่ยนแปลงของยุค แต่นี่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าแต่ละพระนามอ้างอิงถึงองค์ที่แตกต่างกัน หากการนี้เป็นดังนั้น เช่นนั้นแล้ว จะไม่มีองค์ที่นับไม่ถ้วนในพระเจ้าหรอกหรือ? สิ่งที่เขียนไว้ในพันธสัญญาเดิมคือพระราชกิจของพระยาห์เวห์ พระราชกิจช่วงระยะของพระเจ้าพระองค์เองสำหรับการเริ่มต้นในยุคธรรมบัญญัติ มันคือพระราชกิจของพระเจ้า และมันได้เป็นไปตามที่พระองค์ได้ตรัสไว้ และมันได้ยืนหยัดขึ้นตามที่พระองค์ได้ทรงบัญชา ไม่มีสักครั้งที่พระยาห์เวห์ตรัสว่าพระองค์ทรงเป็นพระบิดาที่เสด็จมาเพื่อดำเนินพระราชกิจ และพระองค์ไม่เคยเผยพระวจนะว่าพระบุตรเสด็จมาเพื่อไถ่มวลมนุษย์ เมื่อกล่าวถึงเวลาของพระเยซู มีเพียงการกล่าวว่าพระเจ้าได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อไถ่มวลมนุษย์ทั้งปวงเท่านั้น มิใช่กล่าวว่าเป็นพระบุตรผู้ซึ่งได้เสด็จมา เพราะยุคทั้งหลายนั้นไม่เหมือนกันและพระราชกิจที่พระเจ้าพระองค์เองทรงกระทำนั้นก็แตกต่างกันด้วย พระองค์จึงทรงจำเป็นต้องดำเนินพระราชกิจของพระองค์ภายในอาณาเขตที่แตกต่างกัน ในหนทางนี้ อัตลักษณ์ที่พระองค์ทรงเป็นตัวแทนก็แตกต่างกันด้วยเช่นกัน มนุษย์เชื่อว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระบิดาของพระเยซู แต่การนี้มิได้เป็นที่ยอมรับโดยแท้จริงจากพระเยซู ผู้ซึ่งได้ตรัสว่า "เราไม่เคยถูกแยกแยะออกเป็นพระบิดาและพระบุตร เราและพระบิดาในฟ้าสวรรค์เป็นหนึ่งเดียว พระบิดาทรงอยู่ในเรา และเราอยู่ในพระบิดา เมื่อมนุษย์มองเห็นพระบุตร พวกเขากำลังมองเห็นพระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์" เมื่อมีการกล่าวถึงทั้งหมดนั้น ไม่ว่าจะเป็นพระบิดาหรือพระบุตร พวกพระองค์ทรงเป็นพระวิญญาณหนึ่งเดียว มิได้ถูกแบ่งแยกออกเป็นองค์ทั้งหลายที่แยกต่างหาก ทันทีที่มนุษย์พยายามที่จะอธิบาย เรื่องต่างๆ ก็สลับซับซ้อนไปด้วยแนวคิดเกี่ยวกับองค์ทั้งหลายที่แตกต่างกันชัดเจน รวมถึงสัมพันธภาพระหว่างพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณ เมื่อมนุษย์กล่าวถึงองค์ทั้งหลายที่แยกต่างหาก นี่มิใช่การทำให้พระเจ้าทรงเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาหรอกหรือ? มนุษย์ถึงขั้นจัดอันดับองค์ทั้งหลายให้เป็นองค์ที่หนึ่ง ที่สอง และที่สาม ทั้งหมดเหล่านี้เป็นแต่เพียงการจินตนาการของมนุษย์เท่านั้น ไม่ควรค่าแก่การอ้างอิง และไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง! หากเจ้าถามเขาว่า "มีพระเจ้ากี่องค์?" เขาก็คงจะกล่าวว่า พระเจ้าคือตรีเอกานุภาพแห่งพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ นั่นคือ พระเจ้าเที่ยงแท้หนึ่งเดียว หากเจ้าถามอีกครั้งว่า "พระองค์ใดคือพระบิดา?" เขาก็คงจะกล่าวว่า "พระบิดาคือพระวิญญาณของพระเจ้าในสวรรค์ พระองค์ทรงควบคุมทุกสิ่ง และทรงเป็นองค์เจ้านายแห่งฟ้าสวรรค์" "เช่นนั้นแล้วพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระวิญญาณกระนั้นหรือ?" เขาก็คงจะกล่าวว่า "ใช่!" หากเจ้าถามเขาอีกว่า "พระองค์ใดคือพระบุตร?" เขาก็คงจะกล่าวว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรอย่างแน่นอน "เช่นนั้นแล้ว เรื่องราวของพระเยซูคืออะไร? พระองค์เสด็จมาจากที่ไหน?" เขาก็คงจะกล่าวว่า "พระเยซูประสูติจากนางมารีย์โดยผ่านทางการตั้งครรภ์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์" เช่นนั้นแล้ว เนื้อแท้ของพระองค์มิใช่พระวิญญาณด้วยหรอกหรือ? พระราชกิจของพระองค์มิใช่เป็นตัวแทนของพระวิญญาณบริสุทธิ์เช่นกันหรอกหรือ? พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระวิญญาณ และเนื้อแท้ของพระเยซูก็เป็นดังนั้นด้วยเช่นกัน บัดนี้ในยุคสุดท้าย ไม่จำเป็นต้องกล่าวเลยว่าพระวิญญาณนั่นเองที่ยังคงทรงพระราชกิจอยู่ พวกพระองค์จะทรงสามารถเป็นองค์ทั้งหลายที่แตกต่างกันได้อย่างไร? มันมิใช่แค่เพียงพระวิญญาณของพระเจ้าที่ทรงดำเนินพระราชกิจของพระวิญญาณจากมุมมองที่แตกต่างกันไปเท่านั้นหรอกหรือ? เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงไม่มีความแตกต่างระหว่างองค์ทั้งหลาย พระเยซูได้ทรงสถิตในครรภ์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และไม่ต้องสงสัยเลยว่า พระราชกิจของพระองค์คือพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างแน่นอน ในช่วงระยะแรกของพระราชกิจที่ดำเนินการโดยพระยาห์เวห์นั้น พระองค์มิได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ อีกทั้งมิได้ทรงปรากฏต่อมนุษย์ ดังนั้นมนุษย์จึงไม่เคยมองเห็นการทรงปรากฏของพระองค์ ไม่สำคัญว่าพระองค์จะทรงยิ่งใหญ่เพียงใดและสูงเพียงใด พระองค์ยังคงทรงเป็นพระวิญญาณ พระเจ้าพระองค์เอง ผู้ซึ่งเป็นพระองค์แรกที่ได้ทรงสร้างมนุษย์ กล่าวคือ พระองค์ทรงเป็นพระวิญญาณของพระเจ้า เมื่อพระองค์ได้ตรัสกับมนุษย์จากท่ามกลางหมู่เมฆนั้น พระองค์ทรงเป็นเพียงพระวิญญาณ ไม่มีผู้ใดได้เป็นประจักษ์พยานการทรงปรากฏของพระองค์ มีเพียงในยุคพระคุณเมื่อพระวิญญาณของพระเจ้าได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์และได้ทรงจุติเป็นมนุษย์ในแคว้นยูเดียเท่านั้น มนุษย์จึงได้มองเห็นพระฉายาแห่งการจุติเป็นมนุษย์ครั้งแรกในฐานะชาวยิวคนหนึ่ง ความรู้สึกของพระยาห์เวห์นั้นไม่สามารถสำนึกรับรู้ได้ อย่างไรก็ตาม พระองค์ได้ทรงสถิตในครรภ์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ นั่นคือ ได้ทรงสถิตในครรภ์โดยพระวิญญาณของพระยาห์เวห์พระองค์เอง และพระเยซูยังคงได้ประสูติมาเป็นรูปจำแลงของพระวิญญาณของพระเจ้า สิ่งที่มนุษย์ได้มองเห็นครั้งแรกคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เสด็จลงมายังพระเยซูเหมือนนกพิราบ นั่นมิใช่พระวิญญาณของพระเยซูแต่เพียงพระองค์เดียว แต่เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ต่างหาก เช่นนั้นแล้ว พระวิญญาณของพระเยซูสามารถแยกออกจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้กระนั้นหรือ? หากพระเยซูทรงเป็นพระเยซู พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ เช่นนั้นแล้ว พวกพระองค์จะสามารถเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไร? พระราชกิจคงมิอาจได้รับการดำเนินการได้หากเป็นเช่นดังนั้น พระวิญญาณภายในพระเยซู พระวิญญาณในฟ้าสวรรค์ และพระวิญญาณของพระยาห์เวห์ล้วนเป็นหนึ่งเดียว พระวิญญาณนั้นสามารถเรียกได้ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณของพระเจ้า พระวิญญาณที่เพิ่มกำลังขึ้นเจ็ดเท่า และพระวิญญาณผู้ทรงครอบคลุมทั้งหมด พระวิญญาณของพระเจ้าทรงสามารถดำเนินพระราชกิจได้มากมาย พระองค์ทรงสามารถสร้างโลกและทำลายมันโดยการให้น้ำท่วมแผ่นดินโลก พระองค์ทรงสามารถไถ่มวลมนุษย์ทั้งปวง และยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ทรงสามารถพิชิตและทำลายมวลมนุษย์ทั้งปวงได้ พระราชกิจนี้ล้วนได้รับการดำเนินการโดยพระเจ้าพระองค์เอง และไม่สามารถได้รับการดำเนินการโดยองค์อื่นใดของพระเจ้าแทนพระองค์ได้ พระวิญญาณของพระองค์สามารถได้รับการเรียกขานโดยพระนามของพระยาห์เวห์และพระเยซู รวมถึงองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระคริสต์ พระองค์ทรงสามารถกลายเป็นบุตรมนุษย์ได้ด้วยเช่นกัน พระองค์ทรงสถิตในฟ้าสวรรค์และบนแผ่นดินโลกด้วยเช่นกัน พระองค์ทรงสถิตอยู่สูงเหนือจักรวาลทั้งหลายและท่ามกลางฝูงชน พระองค์ทรงเป็นองค์เจ้านายองค์เดียวแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก! นับตั้งแต่เวลาแห่งการทรงสร้างจนกระทั่งถึงบัดนี้ พระราชกิจนี้ได้รับการดำเนินการโดยพระวิญญาณของพระเจ้าพระองค์เอง ไม่ว่าจะเป็นพระราชกิจในฟ้าสวรรค์หรือในเนื้อหนัง ทั้งหมดล้วนดำเนินการโดยพระวิญญาณของพระองค์เอง สรรพสิ่งที่ทรงสร้างทั้งปวง ไม่ว่าในฟ้าสวรรค์หรือบนแผ่นดินโลก ล้วนอยู่ในอุ้งพระหัตถ์อันทรงมหิทธิฤทธิ์ของพระองค์ ทั้งหมดนี้คือพระราชกิจของพระเจ้าพระองค์เอง และไม่มีผู้ใดสามารถดำเนินการแทนพระองค์ได้ ในฟ้าสวรรค์นั้น พระองค์ทรงเป็นพระวิญญาณแต่ก็ทรงเป็นพระเจ้าพระองค์เองด้วยเช่นกัน ท่ามกลางพวกมนุษย์นั้น พระองค์ทรงเป็นเนื้อหนังแต่ก็ยังคงทรงเป็นพระเจ้าพระองค์เองอยู่ ถึงแม้ว่าพระองค์อาจได้รับการเรียกขานโดยหลายแสนพระนาม พระองค์ก็ยังคงทรงเป็นพระองค์เอง และพระราชกิจทั้งหมดนั้นคือการแสดงออกโดยตรงของพระวิญญาณของพระองค์ การไถ่มวลมนุษย์ทั้งปวงโดยผ่านทางการตรึงกางเขนของพระองค์นั้นเป็นพระราชกิจโดยตรงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และดังนั้นจึงเป็นการประกาศต่อชนชาติทั้งมวลและแผ่นดินทั้งมวลในระหว่างยุคสุดท้ายด้วยเช่นกัน ตลอดเวลานั้น พระเจ้าสามารถได้รับการเรียกขานว่าพระเจ้าเที่ยงแท้หนึ่งเดียวและผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระเจ้าพระองค์เองผู้ทรงครอบคลุมทั้งหมด องค์ทั้งหลายที่แตกต่างกันนั้นไม่มีอยู่จริง นับประสาอะไรที่จะมีแนวคิดนี้เกี่ยวกับพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ มีเพียงพระเจ้าหนึ่งเดียวเท่านั้นในฟ้าสวรรค์และบนแผ่นดินโลก!

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ตรีเอกานุภาพมีอยู่จริงหรือไม่?

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

Leave a Reply

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger