พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การเปิดโปงมโนคติอันหลงผิดทางศาสนา | บทตัดตอน 290

วันที่ 02 เดือน 01 ปี 2024

เนื่องจากมนุษย์เชื่อในพระเจ้า เขาจึงต้องติดตามย่างพระบาทของพระเจ้าอย่างใกล้ชิดอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เขาควร "ติดตามพระเมษโปดกไม่ว่าพระองค์เสด็จไปที่ใดก็ตาม" มีเพียงผู้คนเหล่านี้เท่านั้นที่เป็นผู้แสวงหาหนทางที่แท้จริง มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้พระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้คนที่ติดตามความหมายตามตัวอักษรและหลักข้อเชื่อราวกับทาสคือพวกที่ได้เคยถูกพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์กำจัด ในแต่ละยุค พระเจ้าจะทรงเริ่มต้นพระราชกิจใหม่ และในแต่ละยุคจะมีการเริ่มต้นใหม่ท่ามกลางมนุษย์ หากมนุษย์เพียงยึดถือความจริงที่ว่า "พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า" และ "พระเยซูทรงเป็นพระคริสต์" ซึ่งก็คือความจริงที่ใช้เฉพาะกับยุคนั้นๆ ของพวกเขาเท่านั้น เช่นนั้นแล้วมนุษย์ย่อมจะไม่มีวันตามทันพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และจะไม่สามารถได้รับพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ตลอดไปได้ ไม่ว่าพระเจ้าทรงพระราชกิจอย่างไร มนุษย์ก็ติดตามโดยปราศจากความสงสัยแม้แต่น้อย และเขาย่อมติดตามอย่างใกล้ชิด ในหนทางนี้ มนุษย์จะถูกพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงกำจัดได้อย่างไร? ไม่ว่าพระเจ้าทรงทำสิ่งใดก็ตาม ตราบเท่าที่มนุษย์มั่นใจว่านั่นคือพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และให้ความร่วมมือในพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยไม่มีความขุ่นข้องใจใดๆ และพยายามทำให้ถึงข้อพึงประสงค์ของพระเจ้า เช่นนั้นแล้วเขาจะถูกลงโทษได้อย่างไร? พระราชกิจของพระเจ้าไม่มีวันยุติ ย่างพระบาทของพระองค์ไม่มีวันหยุดยั้ง และก่อนที่พระราชกิจแห่งการบริหารจัดการของพระองค์จะครบบริบูรณ์ พระองค์ได้ทรงยุ่งอยู่เสมอและไม่เคยทรงหยุด แต่มนุษย์นั้นแตกต่างออกไป กล่าวคือ หลังจากที่ได้รับเพียงส่วนเล็กน้อยของพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ เขาก็ปฏิบัติต่อพระราชกิจเสมือนว่าพระราชกิจจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง หลังจากที่ได้รับความรู้เล็กน้อย เขาก็ไม่ได้เดินหน้าเพื่อติดตามรอยพระบาทของพระราชกิจที่ใหม่กว่าของพระเจ้า หลังจากที่ได้มองเห็นพระราชกิจของพระเจ้าเพียงเล็กน้อย เขาก็กำหนดทันทีว่าพระเจ้าทรงเป็นหุ่นไม้จำเพาะตัวหนึ่ง และเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงอยู่ในรูปร่างนี้ที่เขาเห็นตรงหน้าเขาเสมอ เขาเชื่อว่าในอดีตมันเป็นแบบนี้และจะเป็นดังนี้เสมอในอนาคต หลังจากที่ได้รับความรู้เพียงผิวเผินแล้ว มนุษย์ก็ช่างภูมิอกภูมิใจจนเขาลืมตัวเอง และเริ่มประกาศอย่างมัวเมาถึงพระอุปนิสัยและสิ่งที่พระเจ้าทรงเป็นซึ่งก็ไม่ได้มีอยู่เลย และหลังจากที่ได้กลายเป็นมั่นใจเกี่ยวกับช่วงระยะหนึ่งของพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว ไม่ว่าบุคคลที่ประกาศพระราชกิจใหม่ของพระเจ้าจะเป็นบุคคลประเภทใดก็ตาม มนุษย์ก็ไม่ยอมรับพระราชกิจนั้น เหล่านี้คือผู้คนที่ไม่สามารถยอมรับพระราชกิจใหม่แห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเขาหัวโบราณเกินไปและไม่สามารถยอมรับสิ่งใหม่ๆ ได้ ผู้คนเช่นนั้นคือพวกที่เชื่อในพระเจ้า แต่ก็ปฏิเสธพระเจ้าเช่นกัน มนุษย์เชื่อว่าคนอิสราเอลผิดที่ "เชื่อแต่ในพระยาห์เวห์และไม่เชื่อในพระเยซู" ถึงกระนั้น ผู้คนส่วนใหญ่ก็แสดงบทบาทที่พวกเขา "เชื่อแต่ในพระยาห์เวห์และปฏิเสธพระเยซู" และ "ถวิลหาการทรงกลับมาของพระเมสสิยาห์ แต่ต่อต้านพระเมสสิยาห์ที่ทรงได้รับเรียกว่าพระเยซู" เช่นนั้นแล้ว ไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนยังคงใช้ชีวิตอยู่ภายใต้แดนครอบครองของซาตานหลังจากที่ยอมรับช่วงระยะหนึ่งของพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์และยังคงไม่ได้รับพระพรของพระเจ้า นี่ไม่ใช่ผลของการเป็นกบฏของมนุษย์หรอกหรือ? ชนคริสเตียนทั่วโลกที่ตามไม่ทันพระราชกิจใหม่ของวันนี้ ทั้งหมดเกาะติดกับความหวังที่ว่าพวกเขาจะโชคดี ทึกทักว่าพระเจ้าจะทรงทำให้ความปรารถนาแต่ละอย่างของพวกเขาลุล่วง ถึงกระนั้น พวกเขาก็ไม่สามารถพูดได้อย่างแน่นอนว่าเหตุใดพระเจ้าจะทรงรับพวกเขาขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นที่สาม อีกทั้งพวกเขาก็ไม่มั่นใจว่าพระเยซูจะเสด็จมาทรงรับพวกเขาขึ้นไปบนเมฆขาวอย่างไร นับประสาอะไรที่พวกเขาจะพูดได้ด้วยความมั่นใจอย่างที่สุดว่าพระเยซูจะเสด็จมาบนเมฆขาวในวันที่พวกเขาจินตนาการ พวกเขาทั้งหมดกระวนกระวายและทำอะไรไม่ถูก ตัวพวกเขาเองไม่รู้แม้กระทั่งว่าพระเจ้าจะทรงรับพวกเขาแต่ละคนซึ่งเป็นกลุ่มคนที่หลากหลายไม่กี่หยิบมือ ผู้มาจากทุกๆ นิกายหรือไม่ พระราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำในตอนนี้ ในยุคปัจจุบัน น้ำพระทัยของพระเจ้า—พวกเขาไม่จับความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งใดๆ เหล่านี้ และพวกเขาไม่สามารถทำสิ่งใดนอกเหนือจากนับวันถอยหลังด้วยนิ้วมือของพวกเขา มีเพียงบรรดาผู้ที่ติดตามย่างพระบาทของพระเมษโปดกจนถึงบทอวสานเท่านั้นที่สามารถได้รับพระพรสุดท้าย ในทางตรงกันข้าม พวก "ผู้คนที่ฉลาด" ผู้ไร้ความสามารถที่จะติดตามไปจนถึงบทอวสาน แต่กลับเชื่อว่าพวกเขาได้รับทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ผู้คนเหล่านี้ไม่สามารถเป็นพยานต่อการทรงปรากฏของพระเจ้า พวกเขาแต่ละคนเชื่อว่าพวกเขาคือบุคคลที่ฉลาดหลักแหลมที่สุดบนแผ่นดินโลก และพวกเขาตัดทอนการพัฒนาที่ต่อเนื่องของพระราชกิจของพระเจ้าโดยไม่มีเหตุผลแต่อย่างใด และดูจะเชื่อด้วยความมั่นใจอย่างที่สุดว่าพระเจ้าจะทรงพาพวกเขาขึ้นสวรรค์ พวกเขาซึ่งเป็นผู้ที่ "มีความจงรักภักดีอย่างถึงที่สุดต่อพระเจ้า ติดตามพระเจ้า และปฏิบัติตามพระวจนะของพระเจ้า" ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมี "ความจงรักภักดีอย่างถึงที่สุด" ต่อพระวจนะที่พระเจ้าตรัส แต่คำพูดและการกระทำของพวกเขายังคงน่าขยะแขยงเหลือเกิน เพราะพวกเขาต่อต้านพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์และกระทำการหลอกลวงและความชั่ว พวกที่ไม่ติดตามไปจนถึงบทอวสาน พวกที่ตามไม่ทันพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และพวกที่ยึดติดในพระราชกิจเก่าๆ เท่านั้น ย่อมไม่เพียงได้ล้มเหลวในการสัมฤทธิ์ความจงรักภักดีต่อพระเจ้าเท่านั้น แต่ในทางตรงกันข้าม พวกเขาย่อมได้กลายเป็นพวกที่ต่อต้านพระเจ้า ได้กลายเป็นพวกที่ถูกยุคใหม่ปฏิเสธ และพวกที่จะถูกลงโทษ มีสิ่งใดที่น่าเวทนากว่าพวกเขาเล่า? ผู้คนมากมายยังเชื่อกระทั่งว่าผู้คนทั้งหมดที่ปฏิเสธธรรมบัญญัติเก่าและยอมรับพระราชกิจใหม่นั้น ปราศจากมโนธรรม ในท้ายที่สุดแล้ว ความสำเร็จที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้ของผู้คนเหล่านี้ที่พูดถึงเพียง "มโนธรรม" และไม่รู้จักพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะถูกตัดทอนลงด้วยมโนธรรมของพวกเขาเอง พระราชกิจของพระเจ้าไม่ได้ยึดตามหลักข้อเชื่อ และถึงแม้ว่านั่นอาจเป็นพระราชกิจของพระองค์เอง แต่พระเจ้าไม่ทรงยึดติดในพระราชกิจนั้น สิ่งที่ควรถูกปฏิเสธย่อมถูกปฏิเสธ สิ่งที่ควรถูกกำจัดย่อมถูกกำจัด ถึงกระนั้น มนุษย์ก็วางตัวเขาเองเป็นปฏิปักษ์ต่อพระเจ้าโดยการยึดมั่นเพียงส่วนเล็กน้อยส่วนเดียวของพระราชกิจแห่งการบริหารจัดการของพระเจ้า นี่ไม่ใช่ความไร้สาระของมนุษย์หรอกหรือ? นี่ไม่ใช่ความไม่รู้เท่าทันของมนุษย์หรอกหรือ? ยิ่งผู้คนขลาดกลัวและระมัดระวังเกินไปเพราะพวกเขากลัวที่จะไม่ได้รับพระพรของพระเจ้ามากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งไม่สามารถได้รับพระพรที่ยิ่งใหญ่ขึ้นไป และยิ่งไม่สามารถได้รับพระพรสุดท้ายมากขึ้นเท่านั้น ผู้คนทั้งหมดที่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติราวกับทาสต่างแสดงความจงรักภักดีอย่างถึงที่สุดต่อธรรมบัญญัติ และยิ่งพวกเขาแสดงความจงรักภักดีเช่นนั้นต่อธรรมบัญญัติมากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งเป็นกบฏที่ต่อต้านพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น เพราะขณะนี้คือยุคแห่งราชอาณาจักรและไม่ใช่ยุคธรรมบัญญัติ และพระราชกิจของวันนี้กับพระราชกิจของอดีตก็ไม่สามารถกล่าวถึงพร้อมกันได้ อีกทั้งพระราชกิจของอดีตย่อมไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับพระราชกิจของวันนี้ พระราชกิจของพระเจ้าได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว และการปฏิบัติของมนุษย์ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วเช่นกัน มันไม่ใช่การยึดมั่นในธรรมบัญญัติหรือการแบกกางเขน ดังนั้น ความจงรักภักดีของผู้คนต่อธรรมบัญญัติและกางเขนจึงจะไม่ได้รับความเห็นชอบของพระเจ้า

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระราชกิจของพระเจ้าและการปฏิบัติของมนุษย์

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

Leave a Reply

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger