พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การเปิดโปงมโนคติอันหลงผิดทางศาสนา | บทตัดตอน 282

วันที่ 09 เดือน 05 ปี 2021

ในการที่เชื่อในพระเจ้า คนเราควรรู้จักพระเจ้าอย่างไร? คนเราควรมารู้จักพระเจ้าโดยมีพื้นฐานอยู่บนพระวจนะและพระราชกิจของพระเจ้าวันนี้ โดยปราศจากการเบี่ยงเบนหรือเหตุผลวิบัติ และก่อนสิ่งอื่นใดทั้งหมด คนเราควรรู้จักพระราชกิจของพระเจ้า นี่เป็นรากฐานของการรู้จักพระเจ้า เหตุผลวิบัติสารพัดเหล่านั้นทั้งหมดที่ขาดพร่องความเข้าใจอันผุดผ่องในพระวจนะของพระเจ้าคือมโนคติที่หลงผิดทางศาสนา สิ่งเหล่านั้นเป็นการเข้าใจที่เบี่ยงเบนและเต็มไปด้วยข้อผิดพลาด ทักษะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเหล่าบุคคลสำคัญทางศาสนาก็คือ การนำเอาพระวจนะของพระเจ้าซึ่งเป็นที่เข้าใจในอดีตมาใช้และการวัดพระวจนะของพระเจ้าในวันนี้กับพระวจนะเหล่านั้นในอดีต หากว่าในขณะที่กำลังรับใช้พระเจ้าแห่งวันนี้ เจ้าเกาะติดกับสิ่งทั้งหลายที่ถูกเปิดเผยโดยความรู้แจ้งของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในอดีตแล้วไซร้ การปรนนิบัติของเจ้าก็ย่อมจะก่อให้เกิดการหยุดชะงัก และการปฏิบัติของเจ้าก็จะล้าสมัย โดยไม่เป็นอะไรที่มากไปกว่าพิธีการทางศาสนา หากเจ้าเชื่อว่าคนเหล่านั้นที่รับใช้พระเจ้าต้องดูภายนอกเป็นคนถ่อมใจและอดทน ท่ามกลางคุณสมบัติอื่นๆ และหากเจ้านำความรู้ประเภทนี้ไปปฏิบัติวันนี้แล้วไซร้ ความรู้เช่นนั้นย่อมเป็นมโนคติที่หลงผิดทางศาสนา การปฏิบัติเช่นนั้นก็กลายเป็นการแสดงอันหน้าซื่อใจคดไปเสียแล้ว วลีที่ว่า "มโนคติที่หลงผิดทางศาสนา" หมายถึงสิ่งทั้งหลายที่หมดสมัยและเลิกใช้ไปแล้ว (ซึ่งรวมถึงการเข้าใจพระวจนะที่พระเจ้าได้ตรัสไว้ก่อนหน้านี้และความสว่างที่ถูกเปิดเผยโดยตรงโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์) และหากสิ่งเหล่านั้นถูกนำมาปฏิบัติวันนี้แล้วไซร้ สิ่งเหล่านั้นย่อมทำให้พระราชกิจของพระเจ้าหยุดชะงักและไม่นำประโยชน์อันใดมาสู่มนุษย์เลย หากผู้คนไม่สามารถที่จะชำระล้างสิ่งเหล่านั้นซึ่งเป็นของมโนคติที่หลงผิดทางศาสนาออกจากตัวพวกเขาเองแล้วไซร้ สิ่งเหล่านี้ย่อมจะกลายเป็นสิ่งขัดขวางอันใหญ่หลวงต่อการปรนนิบัติของพวกเขาที่มีต่อพระเจ้า ผู้คนที่มีมโนคติที่หลงผิดทางศาสนาไม่มีทางตามทันย่างก้าวแห่งพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์—พวกเขาล้าหลังไปหนึ่งก้าว แล้วจากนั้นก็สองก้าว นี่เป็นเพราะว่ามโนคติที่หลงผิดทางศาสนาเหล่านี้ทำให้มนุษย์กลายเป็นคนที่ถือตัวว่าชอบธรรมเสมอและโอหังอย่างเกินปกติธรรมดา พระเจ้าไม่ทรงรู้สึกอาลัยอาวรณ์สำหรับสิ่งที่พระองค์ได้ตรัสไว้และได้ทรงทำไปในอดีต หากบางสิ่งบางอย่างคร่ำครึ พระองค์ย่อมทรงกำจัดมันทิ้งไปเสีย เจ้าไม่สามารถปล่อยมือจากมโนคติที่หลงผิดทั้งหลายของเจ้าได้อย่างแท้จริงกระนั้นหรือ? หากเจ้าเกาะติดอยู่กับพระวจนะที่พระเจ้าได้ตรัสไว้ในอดีต นี่พิสูจน์ว่าเจ้ารู้จักพระราชกิจของพระเจ้ากระนั้นหรือ? หากวันนี้เจ้าไม่สามารถที่จะยอมรับความสว่างของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และกลับเกาะติดอยู่กับความสว่างของอดีตแทน นี่สามารถพิสูจน์ได้หรือไม่ว่าเจ้าติดตามย่างพระบาทของพระเจ้า? เจ้ายังคงสามารถที่จะปล่อยมือจากมโนคติที่หลงผิดทางศาสนาได้อยู่หรือ? หากเป็นกรณีเช่นนั้นแล้วไซร้ เจ้าก็ย่อมจะกลายเป็นใครคนหนึ่งซึ่งต่อต้านพระเจ้า

หากผู้คนสามารถปล่อยมือจากมโนคติที่หลงผิดทางศาสนาได้ พวกเขาจะไม่ใช้ความรู้สึกนึกคิดของตนมาประเมินวัดพระวจนะและพระราชกิจของพระเจ้าวันนี้ และกลับจะเชื่อฟังโดยตรงแทน แม้ว่าพระราชกิจของพระเจ้าวันนี้สำแดงชัดว่าไม่เหมือนกับพระราชกิจของอดีต เจ้าก็ยังไม่สามารถที่จะปล่อยมือจากทรรศนะของอดีตและเชื่อฟังพระราชกิจของพระเจ้าวันนี้โดยตรงได้ หากเจ้าสามารถที่จะเข้าใจว่า เจ้าต้องให้ความสำคัญโดดเด่นต่อพระราชกิจของพระเจ้าวันนี้ ไม่ว่าพระเจ้าได้ทรงพระราชกิจอย่างไรในอดีต เช่นนั้นแล้ว เจ้าจึงจะเป็นใครคนหนึ่งผู้ซึ่งได้ปล่อยมือจากมโนคติที่หลงผิดทั้งหลายของตนแล้ว ผู้ซึ่งเชื่อฟังพระเจ้า และผู้ซึ่งสามารถเชื่อฟังพระราชกิจและพระวจนะของพระเจ้าและติดตามย่างพระบาทของพระองค์ได้ ในการนี้ เจ้าจะเป็นใครคนหนึ่งซึ่งเชื่อฟังพระเจ้าอย่างแท้จริง เจ้าไม่วิเคราะห์หรือพินิจพิเคราะห์พระราชกิจของพระเจ้า นั่นก็คือราวกับว่า พระเจ้าได้ทรงลืมพระราชกิจก่อนหน้านี้ของพระองค์ไปแล้วและเจ้าเองก็ได้ลืมสิ่งนั้นไปแล้วเช่นกันนั่นเอง ปัจจุบันก็คือปัจจุบัน และอดีตก็คืออดีต และเนื่องจากวันนี้พระเจ้าได้ทรงละวางสิ่งที่พระองค์เคยทำในอดีตไปแล้ว เจ้าก็ไม่ควรจมปลักอยู่กับมัน มีเพียงบุคคลเช่นนี้เท่านั้นเป็นผู้ที่เชื่อฟังพระเจ้าอย่างครบบริบูรณ์และได้ปล่อยมือจากมโนคติที่หลงผิดทางศาสนาของตนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เฉพาะบรรดาผู้ที่รู้จักพระราชกิจของพระเจ้าวันนี้เท่านั้นที่อาจรับใช้พระเจ้าได้

จงละทิ้งมโนคติทางศาสนาเพื่อดำเนินรอยตามพระเจ้า

Verse 1

ในการเชื่อในพระเจ้า จงใฝ่รู้ในพระองค์จากพระวจนะราชกิจตอนนี้โดยไร้เหตุผลวิบัติ

Verse 2

หากอยากจะรู้จักพระเจ้า ก่อนสิ่งอื่นใด เจ้าควรจะรู้เรื่องพระราชกิจ นี่คือเรื่องพื้นฐานทั่วไป

Verse 3

เหตุผลวิบัติ ที่ขาดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ในพระวจนะของพระเป็นเจ้า คือมโนคติหลงทางของมวลมนุษย์ อีกทั้งเบี่ยงเบน ล้วนแต่ผิดพลาด

Chorus

ไม่สำคัญพระเจ้าทำงานเช่นไรในอดีต ให้คุณค่างานในวันนี้ดีกว่า เช่นนั้น เจ้าคือผู้ละทิ้งมโนคติ เจ้าสามารถที่จะเชื่อฟังพระองค์ สามารถเชื่อฟังพระราชกิจและพระวจนะ ดำเนินรอยตามย่างก้าวพระเจ้า เช่นนี้ เจ้าจะเป็นผู้เชื่อฟังพระเจ้า เชื่อด้วยความจริงใจ เชื่อด้วยความจริงใจ

Verse 4

เหล่าคนสำคัญทางศาสนาถนัดการนำพระวจนะตรัสในปัจจุบันเทียบพระวจนะที่ได้เรียนรู้ในอดีต

Verse 5

แม้เจ้าจะรับใช้พระเจ้าในปัจจุบัน แต่ยึดติดอดีต การรับใช้ของเจ้าจะขวางกั้น การปฏิบัติของเจ้า จะเป็นเพียงพิธีกรรมเก่า ๆ

Verse 6

ด้วยมโนคติทางศาสนา คนไม่อาจทำตามพระราชกิจ พระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเขาก็จะล้าหลังไปทีละก้าว เพราะนั่นทำให้คนผยอง คิดว่าตนชอบธรรม

Chorus

ไม่สำคัญพระเจ้าทำงานเช่นไรในอดีต ให้คุณค่างานในวันนี้ดีกว่า เช่นนั้น เจ้าคือผู้ละทิ้งมโนคติ เจ้าสามารถที่จะเชื่อฟังพระองค์ สามารถเชื่อฟังพระราชกิจและพระวจนะ ดำเนินรอยตามย่างก้าวพระเจ้า เช่นนี้ เจ้าจะเป็นผู้เชื่อฟังพระเจ้า เชื่อด้วยความจริงใจ เชื่อด้วยความจริงใจ

Verse 7

พระเจ้าไม่โหยหา สิ่งที่เคยตรัสหรือทำไว้ หากเก่าเกินไปพระองค์จะทรงละทิ้ง เจ้าทิ้งมโนคติหลงผิดไม่ได้หรือ

Verse 8

หากเจ้ายึดพระวจนะ ที่พระเจ้าในวันวานตรัสไว้ นี่จะพิสูจน์ได้หรือ ว่าเจ้ารู้จักพระราชกิจ

Verse 9

หากเจ้าไม่อาจยอมรับความสว่าง ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ หากเจ้ายึดติดอยู่กับอดีต เจ้าไม่ได้เดินตามย่างก้าวของพระเจ้า หากนั่นคือสิ่งที่เจ้าได้เลือก เจ้าต่อต้านพระองค์

Bridge

หากมนุษย์สามารถปล่อยวาง มโนคติทางศาสนา เขาจะไม่ใช้ความคิดประเมิน พระวจนะ พระราชกิจในวันนี้ แม้พระราชกิจปัจจุบัน ไม่เหมือนในอดีตที่ผ่านมา จงปล่อยวางมุมมองเก่าในวันวาน เชื่อฟังพระราชกิจที่มีในปัจจุบัน

Chorus

ไม่สำคัญพระเจ้าทำงานเช่นไรในอดีต ให้คุณค่างานในวันนี้ดีกว่า เช่นนั้น เจ้าคือผู้ละทิ้งมโนคติ เจ้าสามารถที่จะเชื่อฟังพระองค์ สามารถเชื่อฟังพระราชกิจและพระวจนะ ดำเนินรอยตามย่างก้าวพระเจ้า เช่นนี้เจ้าจะเป็นผู้เชื่อฟังพระเจ้า เช่นนี้ เจ้าจะเป็นผู้เชื่อฟังพระเจ้า เชื่อด้วยความจริงใจ เชื่อด้วยความจริงใจ

จาก ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

Leave a Reply

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger