ตัวอย่างภาพยนตร์พระกิตติคุณ | "ความเขลาที่อันตรายถึงตาย"
วันที่ 18 เดือน 10 ปี 2025
เจิ้งมู่เอินเป็นเพื่อนร่วมงานที่คริสตจักรคริสเตียนจีนแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา เขาเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้ามาหลายปี และทำงานและสละตนเพื่อพระองค์อย่างมุ่งมั่น วันหนึ่งป้าของเขาเป็นพยานยืนยันให้เขาว่าองค์พระเยซูเจ้าได้เสด็จกลับมาเพื่อทรงแสดงความจริงและทรงพระราชกิจแห่งการพิพากษาและการชำระมนุษย์ให้บริสุทธิ์ในยุคสุดท้าย ซึ่งเป็นข่าวที่ทำให้เขาตื่นเต้นมาก หลังจากอ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์และดูภาพยนตร์และวีดิทัศน์ของคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ หัวใจของเจิ้งมู่เอินก็ยืนยันได้ว่าพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์นั้นเป็นความจริง และพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์อาจเป็นการเสด็จกลับมาขององค์พระเยซูเจ้าจริงๆ เขาจึงเริ่มตรวจสอบพระราชกิจแห่งยุคสุดท้ายของพระเจ้าร่วมกับพี่น้องชายหญิง แต่เมื่อศิษยาภิบาลหม่า ผู้นำคริสตจักรของเขา รู้เรื่องนี้เข้า ก็พยายามแทรกแซงและขัดขวางเจิ้งมู่เอินครั้งแล้วครั้งเล่า เขาให้เจิ้งมู่เอินดูวีดิทัศน์โฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ใส่ร้ายและกล่าวโทษกลุ่มฟ้าแลบจากทิศตะวันออก เพื่อพยายามบีบให้เจิ้งมู่เอินละทิ้งการตรวจสอบหนทางที่แท้จริง วีดิทัศน์นี้ทำให้เขาสับสนมาก เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือความจริงและเป็นพระสุรเสียงของพระเจ้า แล้วทำไมศิษยาภิบาลกับผู้อาวุโสในโลกศาสนาถึงกล่าวโทษพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ล่ะ? พวกเขาไม่เพียงปฏิเสธที่จะแสวงหาหรือตรวจสอบเท่านั้น แต่ยังพยายามขัดขวางไม่ให้ผู้อื่นยอมรับหนทางที่แท้จริงด้วย ทำไมล่ะ? ... เจิ้งมู่เอินกลัวจะถูกชักพาให้หลงผิดและเดินผิดเส้นทาง แต่ก็กลัวว่าจะสูญเสียโอกาสที่จะถูกรับขึ้นไปด้วย ขณะที่กำลังรู้สึกขัดแย้งและสับสน ศิษยาภิบาลหม่าก็เอาโฆษณาชวนเชื่อเชิงลบจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนและโลกศาสนามาให้เขาดูอีก ซึ่งเพิ่มความสงสัยในหัวใจของเจิ้งมู่เอิน เขาตัดสินใจฟังศิษยาภิบาลหม่าและเลิกตรวจสอบหนทางที่แท้จริง ต่อมาหลังจากได้ฟังคำพยานและการสามัคคีธรรมจากพยานของคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ เจิ้งมู่เอินก็เข้าใจว่าในการตรวจสอบหนทางที่แท้จริงนั้น หลักธรรมพื้นฐานที่สุดคือการกำหนดว่าหนทางมีความจริงหรือไม่ และสิ่งที่หนทางแสดงนั้นเป็นพระสุรเสียงของพระเจ้าหรือไม่ ใครก็ตามที่สามารถแสดงความจริงได้มากจะต้องเป็นการทรงปรากฏของพระคริสต์อย่างแน่นอน เพราะไม่มีคนใดในมวลมนุษย์ที่เสื่อมทรามสามารถแสดงความจริงได้ นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่อาจโต้แย้งได้ หากผู้ใดไม่ให้ความสำคัญกับการได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าขณะตรวจสอบหนทางที่แท้จริง แต่กลับรอคอยการเสด็จลงมาขององค์พระเยซูเจ้าบนเมฆขาวโดยอาศัยความคิดฝันของตนเอง คนผู้นั้นจะไม่มีวันได้ต้อนรับการเสด็จมาของพระเจ้า ในที่สุดเจิ้งมู่เอินก็เข้าใจความล้ำลึกของหญิงพรหมจารีผู้มีปัญญาที่ได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าซึ่งองค์พระเยซูเจ้าได้ตรัสถึง จึงตัดสินใจที่จะเลิกเชื่อเรื่องโกหกและทฤษฎีไร้สาระของรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนและศิษยาภิบาลกับผู้อาวุโสในโลกศาสนา และพ้นจากการตีกรอบและพันธนาการของศิษยาภิบาลผู้เคร่งศาสนาของเขา เจิ้งมู่เอินได้รับประสบการณ์ความลำบากยากเย็นอย่างลึกซึ้งในการตรวจสอบหนทางที่แท้จริง หากปราศจากวิจารณญาณแยกแยะหรือการแสวงหาความจริง ก็ไม่มีทางที่จะได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าหรือถูกรับขึ้นไปยังหน้าบัลลังก์ของพระเจ้า ในทางตรงกันข้าม คนผู้นั้นมีแต่จะถูกซาตานชักพาให้หลงผิดและควบคุม แล้วตายในร่างแหของซาตาน ซึ่งลุล่วงพระวจนะในพระคัมภีร์อย่างครบถ้วนที่ว่า “ประชากรของเราถูกทำลายไปเพราะขาดความรู้” (โฮเชยา 4:6) “คนโง่ตายเพราะขาดสามัญสำนึก” (สุภาษิต 10:21)
ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ
วิดีโอประเภทอื่นๆ