I

ในช่วงระหว่างยุคสุดท้าย เมื่อพระเจ้าทรงบังเกิดเป็นมนุษย์

พระองค์ทรงใช้พระวจนะเป็นหลัก

เพื่อทำให้ทุกสิ่งสำเร็จลุล่วงและเผยทุกสิ่ง

ด้วยพระวจนะของพระองค์เท่านั้น

เจ้าจึงสามารถเห็นสิ่งที่พระองค์ทรงเป็น

ด้วยพระวจนะของพระองค์เท่านั้น

เจ้าจึงสามารถเห็นได้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าพระองค์เอง

เมื่อพระเจ้าผู้ประสูติเป็นมนุษย์เสด็จมายังแผ่นดินโลก

พระองค์ไม่ทรงพระราชกิจอื่นใดเว้นเสียแต่การตรัสถึงพระวจนะ—

ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีความจำเป็นสำหรับข้อเท็จจริงทั้งหลาย

พระวจนะทั้งหลายนั้นเพียงพอแล้ว

II

พระเจ้างทรงเสด็จมาเพื่อทรงพระราชกิจแห่งพระวจนะเป็นหลัก

เพื่อยอมให้มนุษย์ได้เห็นฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์

และมไหศวรรย์ในพระวจนะของพระองค์

เพื่อยอมให้มนุษย์ได้เห็นความถ่อมพระทัย

และความซ่อนเร้นของพระองค์ในพระพระวจนะ

และเพื่อยอมให้มนุษย์ได้รู้จัก

ความครบถ้วนบริบูรณ์ของพระองค์ในพระวจนะ

ทั้งหมดที่พระองค์ทรงมีและทั้งหมดที่พระองค์ทรงเป็นนั้น

อยู่ในพระวจนะของพระองค์

พระปัญญาและความมหัศจรรย์ของพระองค์นั้น

อยู่ในพระวจนะของพระองค์

ในการนี้เจ้าถูกทำให้เห็นวิธีการมากมาย

ซึ่งพระเจ้าทรงใช้ในการตรัสพระวจนะของพระองค์

III

พระเจ้าได้เสด็จมายังแผ่นดินโลกในช่วงระหว่างยุคสุดท้าย

เพื่อทรงปฏิบัติพันธกิจแห่งพระวจนะ

เพื่อที่มวลมนุษย์อาจได้รู้จักพระองค์

และเพื่อที่มวลมนุษย์อาจได้เห็นสิ่งที่พระองค์ทรงเป็น

และเห็นพระปัญญาของพระองค์

และทั้งหมดของกิจการอันมหัศจรรย์ของพระองค์

จากพระวจนะของพระองค์

ในช่วงระหว่างยุคราชอาณาจักร

พระเจ้าทรงใช้พระวจนะเพื่อพิชิตมวลมนุษย์ทั้งปวงเป็นหลัก

ในภายภาคหน้า พระวจนะของพระองค์

ยังจะมาถึงทุกๆ ศาสนา ภาคส่วน ชนชาติ และนิกายด้วยเช่นกัน

พระเจ้าทรงใช้พระวจนะเพื่อพิชิต

เพื่อทำให้มนุษย์ทั้งหมดเห็นว่า

พระวจนะของพระองค์มีสิทธิอำนาจและมหิทธิฤทธิ์—

และดังนั้นในวันนี้ พวกเจ้าจึงเผชิญหน้า

กับพระวจนะของพระเจ้าเท่านั้น

จาก พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ทุกสิ่งสัมฤทธิ์ได้ด้วยพระวจนะของพระเจ้า