พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: พระราชกิจสามช่วงระยะ | บทตัดตอน 35

พระเจ้าได้เสด็จมายังแผ่นดินโลกเพื่อตรัสพระวจนะของพระองค์เป็นหลัก สิ่งที่เจ้าเข้าเชื่อมความสัมพันธ์ด้วยก็คือพระวจนะของพระเจ้า สิ่งที่เจ้าเห็นก็คือพระวจนะของพระเจ้า สิ่งที่เจ้าได้ยินก็คือพระวจนะของพระเจ้า สิ่งที่เจ้าปฏิบัติตามก็คือพระวจนะของพระเจ้า สิ่งที่เจ้าได้รับประสบการณ์ด้วยก็คือพระวจนะของพระเจ้า และการจุติเป็นมนุษย์นี้ของพระเจ้าก็ใช้พระวจนะเป็นหลักในการทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อม พระองค์ไม่ทรงแสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ทรงพระราชกิจซึ่งพระเยซูได้ทรงทำในอดีต แม้ว่าพระองค์ทั้งสองทรงเป็นพระเจ้า และทั้งสองทรงเป็นเนื้อหนัง พันธกิจทั้งหลายของพระองค์ทั้งสองไม่ใช่อย่างเดียวกัน เมื่อพระเยซูได้เสด็จมา พระองค์ยังได้ทรงส่วนหนึ่งของพระราชกิจของพระเจ้าและได้ตรัสพระวจนะบางถ้อยคำ—แต่สิ่งใดกันแน่ที่เป็นพระราชกิจหลักซึ่งพระองค์ได้ทรงสำเร็จลุล่วง? สิ่งที่พระองค์ได้ทรงสำเร็จลุล่วงโดยหลักก็คือพระราชกิจแห่งการถูกตรึงกางเขน พระองค์ได้ทรงกลายเป็นสภาพเสมือนเนื้อหนังที่บาปเพื่อทรงพระราชกิจแห่งการถูกตรึงกางเขนให้แล้วเสร็จและไถ่มนุษยชาติทั้งมวล และที่พระองค์ได้ทรงทำหน้าที่ในฐานะเครื่องบูชาลบล้างบาปอย่างหนึ่งนั้นก็เป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งบาปของมนุษยชาติทั้งมวล นี่คือพระราชกิจหลักซึ่งพระองค์ได้ทรงสำเร็จลุล่วง ท้ายที่สุด พระองค์ได้ทรงจัดเตรียมเส้นทางแห่งกางเขนเพื่อทรงนำบรรดาผู้ที่ได้มาในภายหลัง ในตอนที่พระเยซูได้เสด็จมา ในเบื้องต้นก็เพื่อทรงพระราชกิจแห่งการไถ่ให้แล้วเสร็จ พระองค์ได้ทรงไถ่มนุษยชาติทั้งมวล และได้ทรงนำพาข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักรสวรรค์มาสู่มนุษย์ และยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ได้ทรงให้กำเนิดเส้นทางสู่อาณาจักรสวรรค์ ผลก็คือ ทุกคนที่ได้มาในภายหลังกล่าวว่า "เราควรเดินไปบนเส้นทางแห่งกางเขน และพลีอุทิศตัวพวกเราเองเพื่อกางเขน" แน่นอนว่า ในตอนเริ่มแรก พระเยซูยังได้ทรงพระราชกิจอื่นบางอย่างและได้ตรัสพระวจนะบางถ้อยคำเช่นกันเพื่อทำให้มนุษย์กลับใจและสารภาพบาปของเขา แต่พันธกิจของพระองค์นั้นยังคงเป็นการถูกตรึงกางเขน และช่วงเวลาสามปีครึ่งที่พระองค์ได้ทรงใช้ไปในการประกาศหนทางนั้น ก็เป็นไปเพื่อการตระเตรียมสำหรับการถูกตรึงกางเขนซึ่งตามมาในภายหลัง หลายครั้งคราวที่พระเยซูได้ทรงอธิษฐานก็ยังเป็นไปเพื่อประโยชน์ของการถูกตรึงกางเขนเช่นกัน ชีวิตของมนุษย์ปกติคนหนึ่งซึ่งพระองค์ได้ทรงดำเนินไปและช่วงเวลาสามสิบสามปีครึ่งที่พระองค์ได้ทรงพระชนม์ชีพอยู่บนแผ่นดินโลกนั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ของการทรงพระราชกิจแห่งการถูกตรึงกางเขนให้แล้วเสร็จเป็นหลัก ปีทั้งหลายนั้นก็เพื่อจะมอบความแข็งแกร่งให้แก่พระองค์ในการรับปฏิบัติพระราชกิจนี้ซึ่งผลที่ตามมาจากการนี้ก็คือ พระเจ้าได้ทรงไว้วางพระทัยมอบพระราชกิจแห่งการถูกตรึงกางเขนให้แก่พระองค์ พระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์จะทรงสำเร็จลุล่วงพระราชกิจใดวันนี้? ในวันนี้ พระเจ้าได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์โดยประการสำคัญแล้วก็เพื่อทรงพระราชกิจแห่ง "พระวจนะซึ่งทรงปรากฏเป็นมนุษย์" ให้เสร็จสมบูรณ์ เพื่อทรงใช้พระวจนะทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อม และทรงทำให้มนุษย์ยอมรับการจัดการกับพระวจนะและกระบวนการถลุงพระวจนะ ในพระวจนะของพระองค์ พระองค์ทรงทำให้เจ้าได้รับการจัดเตรียมและได้รับชีวิต ในพระวจนะของพระองค์ เจ้าเห็นพระราชกิจและกิจการของพระองค์ พระเจ้าทรงใช้พระวจนะเพื่อตีสอนและถลุงเจ้า และด้วยเหตุนี้ หากเจ้าทนทุกข์จากความยากลำบาก มันก็เป็นเพราะพระวจนะของพระเจ้าด้วยเช่นกัน ในวันนี้ พระเจ้าไม่ทรงพระราชกิจด้วยข้อเท็จจริงทั้งหลาย แต่ด้วยพระวจนะ เพียงภายหลังจากที่พระวจนะของพระองค์ได้มาถึงเจ้าแล้วเท่านั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์จึงสามารถทรงพระราชกิจภายในตัวเจ้าได้และทำให้เจ้าทนทุกข์จากความเจ็บปวดหรือรู้สึกถึงความหวานชื่น มีเพียงพระวจนะของพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถนำพาเจ้าไปสู่ความเป็นจริงได้ และมีเพียงพระวจนะของพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถทำให้เจ้ามีความเพียบพร้อมได้ และดังนั้น อย่างน้อยที่สุดเจ้าจะต้องเข้าใจการนี้ นั่นคือ พระราชกิจซึ่งปฏิบัติสำเร็จโดยพระเจ้าในช่วงระหว่างยุคสุดท้ายโดยประการสำคัญแล้วคือ การใช้พระวจนะของพระองค์เพื่อทรงทำให้บุคคลทุกคนมีความเพียบพร้อมและเพื่อทรงนำมนุษย์ พระราชกิจทั้งหมดซึ่งพระองค์ทรงปฏิบัตินั้นทำโดยผ่านทางพระวจนะ พระองค์ไม่ทรงใช้ข้อเท็จจริงทั้งหลายเพื่อตีสอนเจ้า มีบางเวลาที่ผู้คนบางคนต้านทานพระเจ้า พระเจ้าไม่ทรงทำให้เจ้าได้รับความไม่สบายใหญ่หลวง เนื้อหนังของเจ้าไม่ได้ถูกตีสอน อีกทั้งเจ้าไม่ได้ทนทุกข์จากความยากลำบาก—แต่ทันทีที่พระวจนะของพระองค์มาถึงเจ้า และถลุงเจ้า มันก็ทนไม่ไหวแล้วสำหรับเจ้า มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกหรือ? ในช่วงระหว่างเวลาของพวกคนปรนนิบัติ พระเจ้าได้ตรัสว่าจะโยนมนุษย์เข้าไปในบาดาลลึก มนุษย์ได้มาถึงยังบาดาลลึกจริงๆ หรือไม่? แค่โดยผ่านทางการใช้พระวจนะเพื่อถลุงมนุษย์ มนุษย์ก็ได้เข้าสู่บาดาลลึกไปแล้ว และดังนั้น ในช่วงระหว่างยุคสุดท้าย เมื่อพระเจ้าทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์ทรงใช้พระวจนะเป็นหลักเพื่อสำเร็จลุล่วงในทุกสิ่งและทำให้ทุกสิ่งชัดเจน ด้วยพระวจนะของพระองค์เท่านั้นเจ้าจึงสามารถเห็นสิ่งที่พระองค์ทรงเป็น ด้วยพระวจนะของพระองค์เท่านั้นเจ้าจึงสามารถเห็นได้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าพระองค์เอง เมื่อพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์เสด็จมายังแผ่นดินโลก พระองค์ไม่ทรงพระราชกิจอื่นใดเว้นเสียแต่การตรัสถึงพระวจนะ—ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีความจำเป็นสำหรับข้อเท็จจริงทั้งหลาย พระวจนะทั้งหลายนั้นเพียงพอแล้ว นั่นเป็นเพราะพระองค์ได้เสด็จมาเพื่อทรงพระราชกิจนี้เป็นหลัก เพื่อยอมให้มนุษย์ได้เห็นฤทธานุภาพของพระองค์และมไหศวรรย์ในพระวจนะของพระองค์ เพื่อยอมให้มนุษย์ได้เห็นในพระวจนะของพระองค์ว่าพระองค์ทรงซ่อนเร้นพระองค์เองโดยถ่อมพระทัยอย่างไร และเพื่อยอมให้มนุษย์ได้รู้จักความครบถ้วนบริบูรณ์ในพระวจนะของพระองค์ ทั้งหมดที่พระองค์ทรงมีและทั้งหมดที่พระองค์ทรงเป็นนั้นอยู่ในพระวจนะของพระองค์ พระปรีชาญาณและความมหัศจรรย์ของพระองค์นั้นอยู่ในพระวจนะของพระองค์ ในการนี้เจ้าถูกทำให้เห็นวิธีการมากมายซึ่งพระเจ้าทรงใช้ในการตรัสพระวจนะของพระองค์ ส่วนใหญ่ของพระราชกิจของพระเจ้าในช่วงระหว่างเวลาที่ผ่านมานี้เป็นการจัดเตรียม วิวรณ์ และการจัดการกับมนุษย์มาตลอด พระองค์ไม่ทรงสาปแช่งบุคคลคนหนึ่งสักน้อย และแม้คราที่พระองค์ทรงทำเช่นนั้น พระองค์ก็ทรงสาปแช่งพวกเขาโดยผ่านทางพระวจนะ และดังนั้น ในยุคที่พระเจ้าทรงบังเกิดเป็นมนุษย์นี้ จงอย่าพยายามที่จะมองให้เห็นว่าพระเจ้าทรงรักษาคนป่วยและขับไล่บรรดาปีศาจอีก และจงหยุดมองหาหมายสำคัญทั้งหลายอยู่ตลอดเวลา—ไม่มีประโยชน์ใดเลย! หมายสำคัญทั้งหลายเหล่านั้นไม่สามารถทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อมได้! หากจะพูดอย่างตรงๆ แล้ว: ในวันนี้ พระเจ้าพระองค์เององค์จริงซึ่งอยู่ในเนื้อหนังมนุษย์ไม่ทรงกระทำการ พระองค์เพียงตรัสเท่านั้น นี่คือความจริง! พระองค์ทรงใช้พระวจนะเพื่อทำให้เจ้ามีความเพียบพร้อม และทรงใช้พระวจนะเพื่อป้อนอาหารและน้ำให้เจ้า พระองค์ยังทรงใช้พระวจนะเพื่อทรงพระราชกิจเช่นกัน และพระองค์ทรงใช้พระวจนะแทนข้อเท็จจริงทั้งหลายเพื่อทำให้เจ้ารู้จักความเป็นจริงของพระองค์ หากเจ้าสามารถล่วงรู้ลักษณะนี้ของพระราชกิจของพระเจ้า เช่นนั้นแล้วมันก็ย่อมเป็นการยากที่จะมีความคิดในเชิงลบ แทนที่จะจดจ่ออยู่กับสิ่งทั้งหลายที่เป็นลบ เจ้าควรมุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่เป็นบวกเท่านั้น—กล่าวคือ ไม่ว่าพระวจนะของพระเจ้าได้รับการทำให้ลุล่วงหรือไม่ก็ตาม หรือไม่ว่ามีการมาถึงของข้อเท็จจริงทั้งหลายหรือไม่ก็ตาม พระเจ้าทรงทำให้มนุษย์ได้รับชีวิตจากพระวจนะของพระองค์ และนี่คือหมายสำคัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาหมายสำคัญทั้งหมด และยิ่งไปกว่านั้นก็คือ มันคือข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถโต้แย้งได้ประการหนึ่ง นี่คือหลักฐานที่ดีที่สุดที่ใช้ในการทำความรู้จักพระเจ้า และเป็นหมายสำคัญหนึ่งซึ่งยิ่งใหญ่กว่าบรรดาหมายสำคัญทั้งหลาย มีเพียงพระวจนะเหล่านี้เท่านั้นที่สามารถทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อมได้

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ทุกสิ่งสัมฤทธิ์ได้ด้วยพระวจนะของพระเจ้า

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การทรงปรากฎและพระราชกิจของพระเจ้า | บทตัดตอน 63

ในราชอาณาจักรนั้น สิ่งต่างๆ นับหมื่นแสนของการทรงสร้างเริ่มฟื้นคืนชีวิตและได้รับพลังชีวิตคืนมา เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในสภาวะของแผ่นดินโลก...

พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 167

เรื่องเล่าที่ 1 เมล็ดพันธุ์ แผ่นดินโลก ต้นไม้ แสงอาทิตย์ นก และมนุษย์ เมล็ดพันธุ์เล็กๆ เมล็ดพันธุ์หนึ่งตกลงสู่แผ่นดินโลก ฝนตกหนัก...

ติดต่อเราผ่าน Messenger