พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การจุติเป็นมนุษย์ | บทตัดตอน 136

วันที่ 03 เดือน 02 ปี 2024

พระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงจุติมาเป็นมนุษย์ประกอบด้วยสองส่วน เมื่อพระองค์ได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เป็นครั้งแรกนั้น ผู้คนก็ไม่เชื่อในพระองค์หรือรู้จักพระองค์ และพวกเขาได้ตรึงพระเยซูที่กางเขน จากนั้น เมื่อพระองค์ได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เป็นครั้งที่สอง ผู้คนยังคงไม่เชื่อในพระองค์ นับประสาอะไรที่จะรู้จักพระองค์ และพวกเขาตรึงพระคริสต์ที่กางเขนนั้นอีกครั้งหนึ่ง มนุษย์ไม่เป็นศัตรูของพระเจ้าหรือ? หากมนุษย์ไม่รู้จักพระองค์ มนุษย์จะเป็นคนสนิทของพระเจ้าอย่างไรได้? เขาจะมีคุณสมบัติที่จะเป็นคำพยานต่อพระเจ้าอย่างไรได้? คำกล่าวอ้างต่างๆ ของมนุษย์เกี่ยวกับการรักพระเจ้า การรับใช้พระเจ้า และการถวายพระเกียรติพระเจ้าจะไม่เป็นคำโกหกที่เต็มไปด้วยเล่ห์ลวงทั้งหมดหรอกหรือ? หากเจ้าอุทิศชีวิตของเจ้าให้แก่สิ่งต่างๆ เหล่านี้ที่ไม่สมจริงและไม่สัมพันธ์กับชีวิตจริง เจ้าจะไม่ตรากตรำอย่างสูญเปล่าหรอกหรือ? เจ้าจะเป็นคนสนิทของพระเจ้าได้อย่างไรในเมื่อเจ้าไม่รู้แม้กระทั่งว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้ใด? การไล่ตามเสาะหาเช่นนั้นไม่คลุมเครือและเป็นนามธรรมหรอกหรือ? มันไม่เต็มไปด้วยเล่ห์ลวงหรอกหรือ? คนผู้หนึ่งจะสามารถเป็นคนสนิทของพระเจ้าได้อย่างไร? นัยสำคัญที่สัมพันธ์กับชีวิตจริงของการเป็นคนสนิทของพระเจ้าคืออะไร? เจ้าสามารถเป็นคนสนิทคนหนึ่งของพระวิญญาณของพระเจ้าได้หรือไม่? เจ้าสามารถมองเห็นได้หรือไม่ว่าพระวิญญาณทรงยิ่งใหญ่และทรงเป็นที่ยกย่องเพียงใด? การเป็นคนสนิทของพระเจ้าองค์หนึ่งที่ไม่ทรงปรากฏแก่ตา ที่ไม่อาจจับต้องได้—นั่นไม่คลุมเครือและเป็นนามธรรมหรอกหรือ? นัยสำคัญที่สัมพันธ์กับชีวิตจริงของการไล่ตามเสาะหาเช่นนั้นคืออะไร? มันไม่ใช่คำมุสาอันหลอกลวงทั้งหมดหรือ? สิ่งที่เจ้าไล่ตามเสาะหาคือการกลายเป็นคนสนิทของพระเจ้า กระนั้นอันที่จริง เจ้าเป็นสุนัขบนตักของซาตาน เพราะว่าเจ้าไม่รู้จักพระเจ้า และเจ้าไล่ตามเสาะหา "พระเจ้าแห่งทุกสรรพสิ่ง" ผู้ไม่มีอยู่จริง ซึ่งไม่ปรากฏแก่ตา ไม่อาจจับต้องได้ และเป็นผลผลิตของมโนคติอันหลงผิดต่างๆ ของเจ้าเอง หากจะกล่าวอย่างคลุมเครือแล้ว "พระเจ้า" เช่นนั้นคือซาตาน และหากกล่าวอย่างสัมพันธ์กับชีวิตจริง มันก็คือตัวเจ้านั่นเอง เจ้าพยายามที่จะเป็นคนสนิทของตัวเจ้าเอง กระนั้นก็ยังกล่าวว่าเจ้าไล่ตามเสาะหาเพื่อจะกลายเป็นคนสนิทของพระเจ้า—นั่นไม่เป็นการหมิ่นประมาทหรอกหรือ? คุณค่าของการไล่ตามเสาะหาเช่นนั้นคืออะไร? หากพระวิญญาณของพระเจ้าไม่ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ เช่นนั้นแล้ว เนื้อแท้ของพระเจ้าก็เป็นเพียงพระวิญญาณแห่งชีวิตที่ไม่ทรงปรากฏแก่ตา ไม่อาจจับต้องได้ ซึ่งไร้รูปทรงและไร้สัณฐาน ประเภทที่ไม่ใช่วัตถุ ไม่อาจเข้าหาได้และไม่เป็นที่จับใจความได้ต่อมนุษย์ มนุษย์จะสามารถเป็นคนสนิทของพระวิญญาณซึ่งไร้ร่าง น่าอัศจรรย์ ไม่อาจหยั่งถึงเช่นนี้อย่างไรได้? นี่ไม่เป็นเรื่องตลกหรอกหรือ? การยกเหตุผลแบบไร้สาระเช่นนั้นใช้ไม่ได้และไม่สัมพันธ์กับชีวิตจริง พวกมนุษย์ที่เป็นสิ่งมีชีวิตทรงสร้างนั้น โดยธรรมชาติแล้วเป็นประเภทที่แตกต่างจากพระวิญญาณของพระเจ้า ดังนั้นทั้งสองจะเป็นคนสนิทกันอย่างไรได้? หากพระวิญญาณของพระเจ้าไม่ได้รับการทำให้เป็นจริงในเนื้อหนัง หากพระเจ้าไม่ได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์และถ่อมพระองค์ลงโดยกลายเป็นสิ่งทรงสร้าง เช่นนั้นแล้ว มนุษย์ที่ถูกสร้างก็จะทั้งไร้คุณสมบัติและไม่สามารถที่จะเป็นคนสนิทของพระองค์ได้ และนอกเหนือจากบรรดาผู้เชื่อในทางพระเจ้าผู้ซึ่งอาจมีโอกาสได้เป็นคนสนิทของพระเจ้าหลังจากที่ดวงจิตของพวกเขาได้เข้าสู่สวรรค์แล้วนั้น คนส่วนใหญ่คงจะไม่สามารถกลายเป็นคนสนิทของพระวิญญาณของพระเจ้าได้ และหากผู้คนปรารถนาที่จะกลายเป็นคนสนิทของพระเจ้าในสวรรค์ภายใต้การทรงนำของพระเจ้าผู้ทรงจุติมาเป็นมนุษย์ พวกเขาจะไม่เป็นอมนุษย์ซึ่งโง่เขลาอย่างน่าอึ้งหรอกหรือ? ผู้คนเพียงไล่ตามเสาะหา "ความสัตย์ซื่อ" ต่อพระเจ้าผู้ซึ่งไม่ทรงปรากฏแก่ตาองค์หนึ่ง และไม่ให้ความสนใจแม้สักนิดเดียวต่อพระเจ้าผู้ซึ่งสามารถถูกมองเห็นได้ เพราะว่ามันง่ายเหลือเกินที่จะไล่ตามเสาะหาพระเจ้าผู้ซึ่งไม่ทรงปรากฏแก่ตาองค์หนึ่ง ผู้คนอาจทำแบบนี้ด้วยวิธีใดก็ตามที่พวกเขาชอบ แต่การไล่ตามเสาะหาพระเจ้าผู้ซึ่งสามารถถูกมองเห็นได้องค์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก บุคคลที่แสวงหาพระเจ้าที่คลุมเครือไม่สามารถที่จะได้พระเจ้ามาอย่างแน่นอนที่สุด เพราะสิ่งต่างๆ ที่คลุมเครือและเป็นนามธรรมล้วนเป็นสิ่งที่มนุษย์จินตนาการขึ้น และมนุษย์ไม่สามารถได้รับมาได้ หากพระเจ้าที่ได้เสด็จมาท่ามกลางพวกเจ้าเป็นพระเจ้าที่สูงส่งและเป็นที่ยกย่ององค์หนึ่งผู้ที่พวกเจ้าไม่อาจเข้าถึงได้ เช่นนั้นแล้ว พวกเจ้าจะจับความเข้าใจน้ำพระทัยของพระองค์ได้อย่างไร? และเจ้าจะรู้จักและเข้าใจพระองค์ได้อย่างไร? หากพระองค์กระทำแต่พระราชกิจของพระองค์ และไม่ทรงมีการติดต่อสัมพันธ์แบบปกติกับมนุษย์เลย หรือไม่ทรงมีสภาวะความเป็นมนุษย์ปกติเลยและที่มนุษย์ซึ่งต้องตายมิอาจเข้าหาได้ เช่นนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าพระองค์จะได้ทรงพระราชกิจมากมายเพื่อพวกเจ้า แต่พวกเจ้าไม่มีการติดต่อสัมพันธ์กับพระองค์เลย และไม่สามารถที่จะมองเห็นพระองค์ได้ พวกเจ้าจะรู้จักพระองค์ได้อย่างไร? หากไม่เป็นเพราะเนื้อหนังนี้ที่ครองสภาวะความเป็นมนุษย์ปกติแล้ว มนุษย์ก็คงไม่มีหนทางที่จะรู้จักพระเจ้า มันเป็นเพราะการจุติเป็นมนุษย์ของพระเจ้าเท่านั้นมนุษย์จึงมีคุณสมบัติที่จะเป็นคนสนิทของพระเจ้าในเนื้อหนังได้ ผู้คนกลายเป็นคนสนิทของพระเจ้าก็เพราะว่าพวกเขามาติดต่อสัมพันธ์กับพระองค์ เพราะว่าพวกเขาดำเนินชีวิตด้วยกันกับพระองค์และให้พระองค์ร่วมสมาคมด้วย และจึงมารู้จักพระองค์ทีละน้อย หากไม่ใช่ด้วยเหตุนี้ การไล่ตามเสาะหาของมนุษย์จะไม่สูญเปล่าหรอกหรือ? กล่าวคือ ไม่ใช่เป็นเพราะพระราชกิจของพระเจ้าเสียทั้งหมดที่มนุษย์สามารถที่จะเป็นคนสนิทของพระเจ้าได้ แต่เป็นเพราะความเป็นจริงและความเป็นปกติของพระเจ้าซึ่งจุติมาเป็นมนุษย์ เป็นเพราะพระเจ้าทรงบังเกิดเป็นมนุษย์นั่นเองผู้คนจึงมีโอกาสที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตน และมีโอกาสที่จะนมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้ นี่ไม่ใช่ความจริงที่เป็นจริงและสัมพันธ์กับชีวิตจริงมากที่สุดหรอกหรือ? บัดนี้ เจ้ายังปรารถนาที่จะเป็นคนสนิทของพระเจ้าในสวรรค์อยู่อีกหรือ? เมื่อพระเจ้าทรงถ่อมพระองค์ลงจนถึงจุดหนึ่งเท่านั้น อีกนัยหนึ่งคือ เมื่อพระเจ้าทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เท่านั้น มนุษย์จึงสามารถเป็นคนสนิทและคนไว้ใจของพระองค์ พระเจ้าทรงมีพระวิญญาณ กล่าวคือ ผู้คนมีคุณสมบัติที่จะเป็นคนสนิทของพระวิญญาณองค์นี้อย่างไร ผู้ทรงเป็นที่ยกย่องและไม่อาจหยั่งถึงได้ยิ่งนัก? เมื่อพระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จลงมาในเนื้อหนัง และกลายเป็นสิ่งทรงสร้างหนึ่งซึ่งมีลักษณะภายนอกแบบเดียวกันกับมนุษย์เท่านั้น ผู้คนจึงจะสามารถเข้าใจน้ำพระทัยของพระองค์และได้รับการรับไว้โดยพระองค์ได้อย่างแท้จริง พระองค์ตรัสและทรงพระราชกิจในเนื้อหนัง ทรงมีส่วนร่วมในความชื่นบานยินดี ความเศร้าโศก และความทุกข์ลำบากทั้งหลายของมนุษยชาติ ทรงดำรงพระชนม์ชีพอยู่ในโลกเดียวกันกับมนุษยชาติ ทรงปกป้องมนุษยชาติ และทรงนำพวกเขา และโดยผ่านทางการนี้พระองค์ทรงชำระผู้คนให้สะอาดและทรงอนุญาตให้พวกเขาได้รับความรอดของพระองค์และพระพรของพระองค์ได้ เมื่อได้รับสิ่งเหล่านี้แล้ว ผู้คนจึงเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้าอย่างแท้จริง และเมื่อนั้นเท่านั้นพวกเขาจึงสามารถเป็นคนสนิททั้งหลายของพระเจ้าได้ สิ่งนี้เท่านั้นที่สัมพันธ์กับชีวิตจริง หากพระเจ้าไม่ทรงปรากฏแก่ตาและไม่อาจจับต้องได้แก่ผู้คน เช่นนั้นแล้ว พวกเขาจะสามารถเป็นคนสนิทของพระองค์ได้อย่างไร? นี่ไม่ใช่คำสอนที่ว่างเปล่าหรอกหรือ?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, บรรดาผู้ที่รู้จักพระเจ้าและพระราชกิจของพระองค์เท่านั้นที่สามารถทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

Leave a Reply

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger