พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 188

วันที่ 03 เดือน 08 ปี 2021

ท่ามกลางมวลมนุษย์นั้น เราจำแนกผู้คนทั้งหมดออกเป็นสามจำพวก จำพวกแรกคือผู้ไม่เชื่อ ซึ่งก็คือพวกที่ไม่มีการเชื่อทางศาสนา พวกเขาได้รับการเรียกขานว่าผู้ไม่เชื่อ ผู้ไม่เชื่อส่วนมากเลยนั้นมีความเชื่อในเงินทองเท่านั้น พวกเขาค้ำจุนแต่ผลประโยชน์ของพวกเขาเองเท่านั้น เป็นพวกวัตถุนิยม และเชื่อในโลกวัตถุเท่านั้น—พวกเขาไม่เชื่อในวัฏจักรแห่งชีวิตและความตาย หรือในสิ่งใดๆ ที่กล่าวถึงเทพเจ้าและผี เราจำแนกผู้คนเหล่านี้ให้อยู่ในกลุ่มผู้ไม่เชื่อ และพวกเขาเป็นจำพวกแรก จำพวกที่สองประกอบด้วยผู้คนที่มีความเชื่อต่างๆ นานานอกเหนือไปจากผู้ไม่เชื่อ ท่ามกลางมวลมนุษย์นั้น เราแยกผู้คนที่มีความเชื่อเหล่านี้ออกเป็นกลุ่มใหญ่หลายกลุ่ม นั่นคือ กลุ่มแรกคือชาวยิว กลุ่มที่สองคือชาวคาทอลิก กลุ่มที่สามคือคริสเตียน กลุ่มที่สี่คือมุสลิม และกลุ่มที่ห้าคือชาวพุทธ มีห้าประเภท เหล่านี้คือผู้คนที่มีความเชื่อประเภทต่างๆ จำพวกที่สามประกอบด้วยบรรดาผู้ที่เชื่อในพระเจ้า และกลุ่มนี้ประกอบด้วยพวกเจ้า ผู้เชื่อเช่นนั้นคือบรรดาผู้ที่ติดตามพระเจ้าในวันนี้ ผู้คนเหล่านี้ถูกแบ่งออกเป็นสองประเภท นั่นคือ ประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรร และคนปรนนิบัติ สามจำพวกหลักนี้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ด้วยเหตุนี้เอง บัดนี้พวกเจ้าสามารถแยกความแตกต่างระหว่างจำพวกและลำดับชั้นของมนุษย์ได้อย่างชัดเจนในความรู้สึกนึกคิดของพวกเจ้า มิใช่หรือ? จำพวกแรกประกอบด้วยบรรดาผู้ไม่เชื่อ และเราได้กล่าวไปแล้วว่าพวกเขาเป็นอย่างไร พวกที่มีความเชื่อในชายชราบนฟ้านับว่าเป็นผู้ไม่เชื่อหรือไม่? ผู้ไม่เชื่อจำนวนมากเชื่อในชายชราบนฟ้าเท่านั้น พวกเขาเชื่อว่าลม ฝน ฟ้าร้อง และอื่นๆ ล้วนถูกควบคุมโดยชายชรานี้ ซึ่งพวกเขาพึ่งพาในการเพาะปลูกพืชผลและการเก็บเกี่ยว—กระนั้นเมื่อมีการกล่าวถึงการเชื่อในพระเจ้า พวกเขาก็ไม่เต็มใจที่จะเชื่อในพระองค์ เช่นนี้สามารถเรียกว่าการมีความเชื่อได้หรือ? ผู้คนเช่นนี้รวมอยู่ในหมู่ผู้ไม่เชื่อ พวกเจ้าเข้าใจเรื่องนี้ ใช่หรือไม่? จงอย่าเข้าใจหมวดหมู่เหล่านี้ผิดๆ จำพวกที่สองประกอบด้วยผู้คนที่มีความเชื่อ และจำพวกที่สามคือบรรดาผู้ที่กำลังติดตามพระเจ้าอยู่ในปัจจุบัน เช่นนั้นแล้ว เหตุใดเราจึงได้แบ่งมนุษย์ทั้งหมดออกเป็นจำพวกเหล่านี้? (เพราะผู้คนต่างจำพวกกันมีบทอวสานและบั้นปลายที่แตกต่างกัน) นั่นคือแง่มุมหนึ่งของเรื่องนี้ เมื่อผู้คนหลากหลายเผ่าพันธุ์และจำพวกกลับคืนไปสู่โลกฝ่ายวิญญาณ พวกเขาแต่ละคนจะมีที่ไปที่แตกต่างกัน และจะอยู่ภายใต้ธรรมบัญญัติแห่งวัฏจักรของชีวิตและความตายที่หลากหลาย ดังนั้น นั่นคือเหตุผลที่เราได้จำแนกมนุษย์ออกเป็นจำพวกใหญ่ๆ เหล่านี้

1. วัฏจักรแห่งชีวิตและความตายของบรรดาผู้ไม่เชื่อ

พวกเรามาเริ่มต้นกันด้วยเรื่องวัฏจักรแห่งชีวิตและความตายของบรรดาผู้ไม่เชื่อกันเถิด หลังการตาย บุคคลหนึ่งจะถูกผู้ดูแลจากโลกฝ่ายวิญญาณพาไป อะไรของบุคคลกันแน่ที่ถูกพาไป? ไม่ใช่เนื้อหนังของเขา แต่เป็นดวงจิตของเขา เมื่อดวงจิตของคนเราถูกพาไป คนเราก็ไปถึง ณ สถานที่ที่เป็นหน่วยงานหนึ่งของโลกฝ่ายวิญญาณซึ่งรับดวงจิตของผู้คนที่เพิ่งตายไปโดยเฉพาะ (หมายเหตุ: สถานที่แรกที่ทุกคนไปหลังการตายเป็นที่แปลกสำหรับดวงจิต) เมื่อพวกเขาถูกพาไปยังสถานที่นี้ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบครั้งแรก โดยการยืนยันชื่อ ที่อยู่ อายุ และประสบการณ์ทั้งหมดของพวกเขา ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาเคยทำขณะที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ถูกบันทึกลงในหนังสือและตรวจสอบยืนยันความถูกต้อง หลังจากทั้งหมดได้รับการตรวจสอบแล้ว พฤติกรรมและการกระทำของบุคคลนั้นตลอดทั้งชีวิตของพวกเขาจะถูกใช้กำหนดพิจารณาว่าพวกเขาจะถูกลงโทษหรือจะได้กลับมาเกิดใหม่เป็นมนุษย์ต่อไป นี่เป็นช่วงระยะแรก ช่วงระยะแรกนี้น่ากลัวหรือไม่? มันไม่น่ากลัวจนเกินไป เพราะสิ่งเดียวที่ได้เกิดขึ้นก็คือบุคคลนั้นได้มาถึงสถานที่หนึ่งซึ่งมืดและไม่คุ้นเคย

ในช่วงระยะที่สอง หากบุคคลนั้นได้ทำสิ่งชั่วมากมายตลอดชีวิตของเขา และได้กระทำความประพฤติเลวร้ายมากมาย เช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็จะถูกพาไปจัดการยังสถานที่ลงโทษ นั่นจะเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับลงโทษผู้คนอย่างชัดแจ้ง รายละเอียดเกี่ยวกับวิธีที่พวกเขาจะได้รับการลงโทษขึ้นอยู่กับบาปที่พวกเขาได้ทำไป รวมถึงขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาได้ทำสิ่งเลวร้ายมากเพียงใดก่อนตาย—นี่คือสถานการณ์แรกที่จะเกิดขึ้นในช่วงระยะที่สอง เนื่องจากสิ่งไม่ดีที่พวกเขาได้ทำและความชั่วที่พวกเขาได้กระทำไว้ก่อนตาย—เมื่อพวกเขามาเกิดใหม่หลังจากถูกลงโทษแล้ว—เมื่อพวกเขากลับมาเกิดอีกครั้งในโลกวัตถุ—ผู้คนบางคนจึงจะยังคงเป็นมนุษย์ต่อไป ในขณะที่คนอื่นๆ จะกลายเป็นสัตว์ กล่าวคือ หลังจากที่บุคคลหนึ่งกลับไปยังโลกฝ่ายวิญญาณ พวกเขาจะได้รับการลงโทษเนื่องจากความชั่วที่พวกเขาได้กระทำไป ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากสิ่งเลวร้ายทั้งหลายที่พวกเขาได้ทำไป พวกเขาอาจจะไม่ได้กลับมาเป็นมนุษย์ในการมาเกิดใหม่ครั้งต่อไปของพวกเขา แต่เป็นสัตว์ตัวหนึ่ง ประเภทของสัตว์ที่พวกเขาอาจจะเกิดมาเป็นนั้นรวมถึงวัว ม้า สุกร และสุนัข ผู้คนบางคนอาจเกิดใหม่มาเป็นนก หรือเป็ด หรือห่านได้…หลังจากที่พวกเขาได้มาเกิดใหม่เป็นสัตว์แล้ว เมื่อพวกเขาตายอีกครั้ง พวกเขาจะคืนกลับไปยังโลกฝ่ายวิญญาณ ที่นั่น โลกฝ่ายวิญญาณจะตัดสินดังเช่นเมื่อก่อนหน้านี้ บนพื้นฐานของพฤติกรรมก่อนตายของพวกเขา ว่าพวกเขาจะได้มาเกิดใหม่เป็นมนุษย์หรือไม่ ผู้คนส่วนใหญ่กระทำชั่วมากเกินไป และบาปของพวกเขาหนักหนาเกินไป ดังนั้น พวกเขาจึงต้องเกิดมาเป็นสัตว์เจ็ดถึงสิบสองครั้ง เจ็ดถึงสิบสองครั้ง—นั่นไม่น่ากลัวหรอกหรือ? (มันน่ากลัว) อะไรทำให้พวกเจ้ากลัว? บุคคลหนึ่งมากลายเป็นสัตว์—นั่นคือสิ่งที่น่ากลัว และสำหรับบุคคลหนึ่ง อะไรคือสิ่งที่เจ็บปวดมากที่สุดเกี่ยวกับการกลายเป็นสัตว์? การไม่มีภาษา การมีเพียงความคิดที่เรียบง่าย การสามารถเพียงแค่ทำสิ่งทั้งหลายที่สัตว์ทั้งหลายทำและกินอาหารที่สัตว์ทั้งหลายกิน การมีกระบวนการทางความคิดเรียบง่ายและภาษากายของสัตว์ การไม่สามารถเดินตัวตรงได้ การไม่สามารถติดต่อสนทนากับมนุษย์ได้ และข้อเท็จจริงที่ว่า ไม่มีพฤติกรรมหรือกิจกรรมของมนุษย์ที่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับสัตว์เลย นั่นคือ ท่ามกลางทุกสรรพสิ่ง การเป็นสัตว์ทำให้เจ้าต่ำต้อยที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งปวง และพัวพันกับความทุกข์ที่มีมากมายกว่าการเป็นมนุษย์มากนัก นี่คือแง่มุมหนึ่งของการลงโทษพวกที่ทำชั่วไว้มากและกระทำบาปใหญ่ของโลกฝ่ายวิญญาณ เมื่อกล่าวถึงความรุนแรงของการลงโทษของพวกเขา การนี้ตัดสินโดยขึ้นอยู่กับว่าพวกเขากลายเป็นสัตว์ชนิดใด ตัวอย่างเช่น การเป็นสุกรดีกว่าการเป็นสุนัขหรือไม่? สุกรมีชีวิตดีกว่าหรือแย่กว่าสุนัข? แย่กว่าใช่หรือไม่? หากผู้คนกลายเป็นวัวหรือม้า พวกเขาจะมีชีวิตที่ดีกว่าหรือแย่กว่าการที่พวกเขาเป็นสุกร? (ดีกว่า) บุคคลหนึ่งจะสบายกว่าหรือไม่ถ้าเกิดใหม่เป็นแมว? เขาจะยังคงเป็นสัตว์ตัวหนึ่งอยู่ดี และการเป็นแมวคงจะง่ายกว่าการเป็นม้าหรือวัวมาก เพราะแมวได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ของพวกมันนอนเกียจคร้าน การเกิดเป็นวัวหรือม้านั้นลำบากมากกว่า เพราะฉะนั้น หากบุคคลมาเกิดใหม่เป็นวัวหรือม้า พวกเขาต้องทำงานหนัก—ซึ่งคล้ายกับเป็นการลงโทษที่รุนแรง การเกิดเป็นสุนัขคงจะดีกว่าการเกิดเป็นวัวหรือม้านิดหน่อย เพราะสุนัขมีสัมพันธภาพใกล้ชิดกับนายของมันมากกว่า สุนัขบางตัวหลังจากเป็นสัตว์เลี้ยงหลายปีก็สามารถเข้าใจสิ่งที่นายของพวกมันพูดได้อย่างมากมาย เนื่องจากสุนัขสามารถเข้าใจคำพูดของนายของมันได้มาก บางครั้งสุนัขสามารถปรับตัวให้เข้ากับอารมณ์และข้อพึงประสงค์ของนายของมันได้ และนายก็ปฏิบัติกับสุนัขดีกว่า และสุนัขกินและดื่มดีกว่า และเมื่อมันมีความเจ็บปวด มันก็ได้รับการดูแลมากกว่า เช่นนั้นแล้วสุนัขมิได้ชื่นชมชีวิตที่มีความสุขหรอกหรือ? ด้วยเหตุนี้เอง การเป็นสุนัขจึงดีกว่าการเป็นวัวหรือม้า ในการนี้ ความรุนแรงของการลงโทษบุคคลหนึ่งกำหนดพิจารณาว่าเขาจะมาเกิดใหม่เป็นสัตว์กี่ครั้ง รวมถึงเป็นสัตว์ชนิดใด

เนื่องจากพวกเขาได้กระทำบาปมากมายยิ่งนักขณะที่พวกเขามีชีวิตอยู่ ผู้คนบางคนจึงได้รับการลงโทษโดยการมาเกิดใหม่เป็นสัตว์เจ็ดถึงสิบสองครั้ง หลังจากที่ได้รับการลงโทษเพียงพอแล้ว เมื่อคืนกลับไปยังโลกฝ่ายวิญญาณ พวกเขาจะถูกพาไปยังที่แห่งอื่น—ในสถานที่นั้น ดวงจิตต่างๆ ได้รับการลงโทษมาแล้ว และเป็นประเภทที่กำลังตระเตรียมที่จะมาเกิดใหม่เป็นมนุษย์ ในที่แห่งนี้ ดวงจิตแต่ละดวงถูกจำแนกเป็นชนิดโดยสอดคล้องกับว่าพวกเขาจะถือกำเนิดในตระกูลแบบใด พวกเขาจะเล่นบทบาทใดเมื่อได้มาเกิดใหม่แล้ว และอื่นๆ ตัวอย่างเช่น ผู้คนบางคนจะกลายเป็นนักร้องเมื่อพวกเขามายังโลกนี้ ดังนั้นจึงถูกวางตัวไว้ท่ามกลางนักร้อง บางคนจะกลายเป็นนักธุรกิจเมื่อพวกเขามายังโลกนี้ และดังนั้นพวกเขาจึงถูกวางตัวไว้ท่ามกลางนักธุรกิจ และหากใครบางคนจะต้องกลายเป็นนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์หลังจากเกิดเป็นมนุษย์ เช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็จะถูกวางตัวไว้ท่ามกลางนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ หลังจากที่พวกเขาได้รับการจัดประเภท แต่ละคนจะถูกส่งออกไปตามเวลาที่แตกต่างกันและวันที่ที่กำหนดไว้แล้ว เช่นเดียวกับที่ผู้คนส่งอีเมลในยุคนี้ ในการนี้วัฏจักรของชีวิตและความตายหนึ่งๆ ก็จะเสร็จสมบูรณ์ จากวันที่บุคคลหนึ่งมาถึงโลกฝ่ายวิญญาณจนกระทั่งสิ้นสุดการลงโทษของพวกเขา หรือจนกระทั่งพวกเขาได้มาเกิดใหม่เป็นสัตว์หลายครั้ง และกำลังตระเตรียมที่จะมาเกิดใหม่เป็นมนุษย์ กระบวนการนี้จึงเสร็จสมบูรณ์

สำหรับบรรดาผู้ที่ได้รับการลงโทษเสร็จแล้วและไม่มาเกิดใหม่เป็นสัตว์ พวกเขาจะถูกส่งมายังโลกวัตถุเพื่อเกิดเป็นมนุษย์อย่างรวดเร็วหรือไม่? หรืออีกนานแค่ไหนก่อนที่พวกเขาจะสามารถมาอยู่ท่ามกลางมนุษย์ได้? การนี้สามารถเกิดขึ้นได้ถี่เพียงใด? มีข้อจำกัดชั่วคราวในการนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกฝ่ายวิญญาณอยู่ภายใต้ข้อจำกัดและกฎเกณฑ์ชั่วคราวที่เที่ยงตรงเหล่านี้—ซึ่ง หากเราอธิบายด้วยตัวเลข พวกเจ้าจะเข้าใจ สำหรับบรรดาผู้ที่มาเกิดใหม่ภายในระยะเวลาอันสั้น เมื่อพวกเขาตาย จะมีการตระเตรียมสำหรับพวกเขาไว้แล้วในการมาเกิดใหม่เป็นมนุษย์ เวลาสั้นที่สุดที่การนี้สามารถเกิดขึ้นได้คือสามวัน สำหรับผู้คนบางคนการนี้ใช้เวลาสามเดือน สำหรับบางคนการนี้ใช้เวลาสามปี สำหรับบางคนการนี้ใช้เวลาสามสิบปี สำหรับบางคนการนี้ใช้เวลาสามร้อยปี และอื่นๆ ดังนั้น จะสามารถกล่าวสิ่งใดได้บ้างเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ชั่วคราวเหล่านี้ และรายละเอียดของกฎเกณฑ์เหล่านี้คืออะไรบ้าง? กฎเกณฑ์เหล่านี้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่โลกวัตถุ—หรือโลกมนุษย์—ต้องการจากดวงจิต และขึ้นอยู่กับบทบาทที่ดวงจิตนี้หมายจะมีบนโลกนี้ เมื่อผู้คนมาเกิดใหม่เป็นมนุษย์ธรรมดา พวกเขาส่วนใหญ่มาเกิดใหม่อย่างรวดเร็วมาก เพราะโลกมนุษย์มีความจำเป็นต้องมีผู้คนธรรมดาเช่นนั้นอย่างเร่งด่วน—และดังนั้น สามวันต่อมา พวกเขาก็ถูกส่งออกไปอีกครั้งยังครอบครัวหนึ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจากครอบครัวที่พวกเขาเคยอยู่ด้วยก่อนที่พวกเขาจะตาย อย่างไรก็ตาม มีบางคนที่แสดงบทบาทพิเศษในโลกนี้ คำว่า "พิเศษ" หมายความว่า ไม่มีความต้องการผู้คนเหล่านี้ในโลกมนุษย์มากนัก ไม่จำเป็นต้องมีผู้คนมากมายมาแสดงบทบาทเช่นนั้น ดังนั้น การนี้จึงอาจใช้เวลาสามร้อยปี กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ดวงจิตนี้จะมาเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นในทุกๆ สามร้อยปี หรือกระทั่งเพียงครั้งเดียวในทุกๆ สามพันปี เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้? มันเป็นเพราะข้อเท็จจริงที่ว่า ไม่ว่าจะเป็นสามร้อยหรือสามพันปี บทบาทเช่นนี้ไม่เป็นที่พึงประสงค์ในโลกมนุษย์ ดังนั้นพวกเขาจึงถูกเก็บตัวไว้ในที่บางแห่งในโลกฝ่ายวิญญาณ จงดูขงจื๊อเป็นตัวอย่าง กล่าวคือ เขามีผลกระทบล้ำลึกต่อวัฒนธรรมจีนดั้งเดิม และการมาถึงของเขาส่งผลต่อวัฒนธรรม ความรู้ ธรรมเนียมประเพณี และคตินิยมของผู้คนในเวลานั้นอย่างลึกซึ้ง อย่างไรก็ตาม ไม่มีความจำเป็นต้องมีบุคคลเช่นนี้ในทุกยุคสมัย ดังนั้น เขาจึงต้องคงอยู่ในโลกฝ่ายวิญญาณ โดยรออยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามร้อยหรือสามพันปีก่อนที่จะได้มาเกิดใหม่ เนื่องจากโลกมนุษย์ไม่มีความจำเป็นต้องมีใครบางคนเช่นนี้ เขาจึงต้องรออยู่เฉยๆ เพราะมีบทบาทดังเช่นบทบาทของเขาน้อยมาก และมีเรื่องให้เขาทำน้อยนิดมาก เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงต้องถูกเก็บตัวไว้ที่ใดสักแห่งในโลกฝ่ายวิญญาณเกือบตลอดเวลานั้น อยู่ว่าง เพื่อที่จะถูกส่งออกมาทันทีที่โลกมนุษย์จำเป็นต้องมีเขา เช่นนั้นคือกฎเกณฑ์ชั่วคราวของอาณาจักรฝ่ายวิญญาณสำหรับความถี่ที่ผู้คนส่วนใหญ่ได้มาเกิดใหม่ ไม่ว่าผู้คนจะเป็นคนธรรมดาหรือพิเศษ โลกฝ่ายวิญญาณมีกฎเกณฑ์ที่เหมาะสมและการปฏิบัติที่ถูกต้องสำหรับกระบวนการมาเกิดใหม่ของพวกเขา และกฎเกณฑ์กับการปฏิบัติเหล่านี้ถูกส่งลงมาจากพระเจ้า มิใช่ถูกตัดสินหรือควบคุมโดยผู้ดูแลหรือผู้ใดในโลกฝ่ายวิญญาณ

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 10

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger