พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 169
วันที่ 29 เดือน 02 ปี 2024
พระเจ้าได้ทรงสร้างทุกสิ่งทุกอย่างที่ดำรงอยู่ และพระองค์ทรงครองอธิปไตยแห่งทุกสิ่งทุกอย่างที่ดำรงอยู่ พระองค์ทรงบริหารจัดการทุกอย่างของมัน และพระองค์ทรงทำการจัดเตรียมเพื่อทุกอย่างของมัน และภายในทุกสรรพสิ่งนั้น พระองค์ทรงมองเห็นและพินิจพิเคราะห์ทุกคำพูดและการกระทำของทุกสิ่งทุกอย่างที่ดำรงอยู่ ดังนั้น พระเจ้าทรงมองเห็นและทรงพินิจพิเคราะห์ทุกมุมของชีวิตมนุษย์ด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าทรงรู้อย่างแนบแน่นในแต่ละรายละเอียดของทุกสิ่งทุกอย่างที่ดำรงอยู่ภายในการทรงสร้างของพระองค์ ตั้งแต่หน้าที่ของแต่ละสิ่ง ธรรมชาติของมัน กฎเกณฑ์แห่งการอยู่รอดของมันไปจนถึงนัยสำคัญแห่งชีวิตของมันและคุณค่าแห่งการดำรงอยู่ของมัน พระเจ้าทรงรู้ทั้งหมดนี้โดยความครบถ้วนบริบูรณ์ของมัน พระเจ้าได้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่ง—พวกเจ้าคิดว่าพระองค์ทรงจำเป็นต้องศึกษากฎเกณฑ์ทั้งหลายที่ปกครองดูแลสิ่งเหล่านั้นหรือ? พระเจ้าทรงจำเป็นต้องศึกษาความรู้และวิทยาศาสตร์แบบมนุษย์เพื่อเรียนรู้และเข้าพระทัยเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นหรือไม่? (ไม่) มีผู้ใดท่ามกลางมวลมนุษย์ที่มีการเรียนรู้และความคงแก่เรียนเพื่อเข้าใจทุกสรรพสิ่งดังเช่นที่พระเจ้าทรงรู้หรือไม่? มีนักดาราศาสตร์หรือนักชีววิทยาคนใดที่เข้าใจกฎเกณฑ์ทั้งหลายที่สรรพสิ่งใช้เพื่อดำรงชีวิตและเติบโตหรือไม่? พวกเขาสามารถเข้าใจคุณค่าของการดำรงอยู่ของแต่ละสิ่งได้อย่างแท้จริงหรือไม่? (ไม่ พวกเขาไม่สามารถ) การนี้เป็นเพราะทุกสรรพสิ่งได้รับการทรงสร้างโดยพระเจ้า และไม่สำคัญว่ามวลมนุษย์จะศึกษาความรู้นี้มากเพียงใดหรืออย่างลึกซึ้งเพียงใด หรือพวกเขาอุตสาหะพยายามที่จะเรียนรู้มันมายาวนานเพียงใด พวกเขาก็จะไม่มีวันสามารถหยั่งลึกความล้ำลึกหรือพระประสงค์แห่งการทรงสร้างทุกสรรพสิ่งของพระเจ้าได้ นั่นไม่ใช่กรณีนี้หรอกหรือ? บัดนี้ จากการสนทนาของเรามาจนถึงตอนนี้ พวกเจ้ารู้สึกว่าพวกเจ้าได้รับความเข้าใจบางส่วนเกี่ยวกับความหมายที่แท้จริงของวลีที่ว่า "พระเจ้าทรงเป็นแหล่งกำเนิดชีวิตสำหรับทุกสรรพสิ่ง" แล้วหรือยัง? (รู้สึก) เรารู้ว่าเมื่อเราได้สนทนาหัวข้อนี้ พระเจ้าทรงเป็นแหล่งกำเนิดชีวิตสำหรับทุกสรรพสิ่ง ผู้คนมากมายคงจะคิดถึงอีกวลีหนึ่งทันทีที่ว่า "พระเจ้าทรงเป็นความจริง และพระเจ้าทรงใช้พระวจนะของพระองค์เพื่อจัดเตรียมให้แก่พวกเรา" และไม่มีสิ่งใดเกินพ้นระดับความหมายนั้นของหัวข้อนี้ บางคนอาจถึงขั้นรู้สึกว่าการจัดเตรียมของพระเจ้าด้านชีวิตมนุษย์ ด้านอาหารและเครื่องดื่มประจำวัน และสิ่งจำเป็นประจำวันทุกสิ่งไม่นับว่าเป็นการจัดเตรียมของพระองค์สำหรับมนุษย์ ไม่ได้มีบางคนหรอกหรือที่รู้สึกอย่างนี้? ถึงกระนั้น ความตั้งพระทัยของพระเจ้าในการทรงสร้างของพระองค์ไม่แน่ชัดหรอกหรือ—ที่เปิดโอกาสให้มวลมนุษย์ดำรงอยู่และใช้ชีวิตอยู่อย่างปกติ? พระเจ้าทรงธำรงรักษาไว้ซึ่งสภาพแวดล้อมที่ผู้คนใช้ดำรงชีวิต และพระองค์ทรงจัดเตรียมสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่มวลมนุษย์จำเป็นต้องมีเพื่อการอยู่รอดของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ทรงบริหารจัดการและทรงถือครองอธิปไตยเหนือทุกสรรพสิ่ง ทั้งหมดนี้เปิดโอกาสให้มวลมนุษย์ได้ใช้ชีวิตและเจริญเติบโตและเพิ่มทวีอย่างปกติ ในหนทางนี้นี่เองที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมเพื่อสิ่งทรงสร้างทั้งปวงและเพื่อมวลมนุษย์ ไม่จริงหรอกหรือที่มนุษย์จำเป็นต้องระลึกได้และเข้าใจสิ่งเหล่านี้? บางทีบางคนอาจจะกล่าวว่า "หัวข้อนี้ไกลเกินไปจากความรู้ของพวกเราเกี่ยวกับพระเจ้าเที่ยงแท้พระองค์เอง และพวกเราไม่ต้องการรู้การนี้เพราะพวกเราไม่ได้ดำรงชีวิตอยู่ด้วยขนมปังอย่างเดียว แต่กลับดำรงชีวิตด้วยพระวจนะของพระเจ้าแทน" การเข้าใจนี้ถูกต้องหรือไม่? (ไม่) เหตุใดจึงไม่ถูกต้อง? พวกเจ้าสามารถมีความเข้าใจที่ครบบริบูรณ์เกี่ยวกับพระเจ้าได้หรือไม่หากพวกเจ้าเพียงแค่มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งทั้งหลายที่พระเจ้าได้ตรัสไป? หากเจ้าเพียงแค่ยอมรับพระราชกิจของพระเจ้าและยอมรับการพิพากษาและการตีสอนของพระเจ้าเท่านั้น เจ้าสามารถมีความเข้าใจที่ครบบริบูรณ์เกี่ยวกับพระเจ้าได้หรือไม่? หากเจ้าเพียงแค่รู้ส่วนน้อยเกี่ยวกับพระอุปนิสัยของพระเจ้า ส่วนน้อยเกี่ยวกับสิทธิอำนาจของพระเจ้าเท่านั้น เจ้าจะพิจารณาว่านั่นเพียงพอที่จะสัมฤทธิ์การทำความเข้าใจพระเจ้าหรือไม่? (ไม่) การกระทำของพระเจ้าเริ่มด้วยการทรงสร้างทุกสรรพสิ่งของพระองค์ และสิ่งเหล่านั้นดำเนินต่อไปในวันนี้—การกระทำของพระเจ้าปรากฏชัดตลอดเวลา ทุกชั่วขณะ หากคนเราเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่เพียงเพราะพระองค์ได้ทรงเลือกสรรผู้คนกลุ่มหนึ่งเพื่อปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์และเพื่อช่วยให้รอด และว่าไม่มีสิ่งอื่นใดมีความเกี่ยวข้องอันใดกับพระเจ้า ไม่ทั้งสิทธิอำนาจของพระองค์ สถานะของพระองค์ และการกระทำของพระองค์ เช่นนั้นแล้ว สามารถพิจารณาได้หรือไม่ว่าคนเรามีความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับพระเจ้า? ผู้คนที่มี "ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า" ที่ว่านี้ มีเพียงความเข้าใจแบบด้านเดียวเท่านั้น ตามสิ่งที่พวกเขาใช้จำกัดขอบเขตกิจการทั้งหลายของพระองค์ต่อผู้คนหนึ่งกลุ่ม นี่คือความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับพระเจ้าหรือไม่? ผู้คนที่มีความรู้ประเภทนี้ไม่ใช่กำลังปฏิเสธการทรงสร้างทุกสรรพสิ่งของพระเจ้าและอธิปไตยเหนือทุกสรรพสิ่งของพระองค์หรอกหรือ? ผู้คนบางคนไม่ปรารถนาที่จะมีส่วนร่วมกับประเด็นนี้ กลับคิดในใจแทนว่า "ฉันไม่เคยเห็นอธิปไตยเหนือทุกสรรพสิ่งของพระเจ้า แนวคิดนี้จึงถูกลบออกไป และฉันไม่ใส่ใจที่จะเข้าใจมัน พระเจ้าทรงทำสิ่งที่พระองค์ทรงต้องประสงค์ และนั่นไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับฉัน ฉันก็แค่ยอมรับความเป็นผู้นำของพระเจ้าและพระวจนะของพระองค์เพื่อให้ฉันสามารถได้รับการช่วยให้รอดและการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้าเท่านั้น ไม่มีสิ่งอื่นใดสำคัญต่อฉัน กฎเกณฑ์ทั้งหลายของพระเจ้าที่ถูกทำขึ้นเมื่อพระองค์ได้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่ง และสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อจัดเตรียมให้แก่ทุกสรรพสิ่งและให้แก่มวลมนุษย์ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับฉัน" นี่เป็นการพูดคุยประเภทใดกัน? นี่ไม่ใช่การกระทำจากการกบฏหรอกหรือ? มีผู้ใดท่ามกลางพวกเจ้าที่มีความเข้าใจเช่นนี้บ้างหรือไม่? เรารู้ว่ามีจำนวนมากมายในหมู่พวกเจ้าในที่นี้ที่คิดเช่นนั้น แม้ว่าพวกเจ้าจะไม่ได้พูดเช่นนั้นก็ตาม ผู้คนที่ยึดถือหนังสือเยี่ยงนี้มองดูทุกสิ่งทุกอย่างจากมุมมอง "ฝ่ายวิญญาณ" ของพวกเขาเอง พวกเขาต้องการเพียงแค่จำกัดพระเจ้าไว้กับพระคัมภีร์ จำกัดพระเจ้าด้วยพระวจนะที่พระองค์ได้ตรัสไป ไว้กับสำนึกรับรู้ที่ได้จากพระวจนะตามตัวอักษรที่เขียนไว้ พวกเขาไม่ปรารถนาที่จะรู้จักพระเจ้าให้มากขึ้น และพวกเขาไม่ต้องการให้พระเจ้าทรงแยกความสนพระทัยของพระองค์ออกเป็นส่วนด้วยการทำสิ่งอื่น ความคิดประเภทนี้เป็นเด็กไม่รู้ภาษา และยังเคร่งศาสนามากเกินไปอีกด้วย ผู้คนที่ยึดทรรศนะเหล่านี้สามารถรู้จักพระเจ้าได้หรือไม่? นั่นคงจะลำบากยากเย็นอย่างยิ่งสำหรับพวกเขาที่จะรู้จักพระเจ้า วันนี้เราได้เล่าไปสองเรื่องแล้ว แต่ละเรื่องระบุถึงแง่มุมที่ต่างกัน เมื่อเพิ่งจะได้มาติดต่อสัมพันธ์กับเรื่องเล่าเหล่านี้ พวกเจ้าอาจจะรู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้ลุ่มลึกหรือเป็นนามธรรมสักเล็กน้อย ลำบากยากเย็นที่จะจับใจความและทำความเข้าใจ อาจจะลำบากยากเย็นในการเชื่อมโยงเรื่องเหล่านั้นเข้ากับการกระทำของพระเจ้าและพระเจ้าพระองค์เอง อย่างไรก็ตาม การกระทำทั้งหมดของพระเจ้าและทั้งหมดที่พระเจ้าได้ทรงทำไปภายในการทรงสร้างและท่ามกลางมวลมนุษย์นั้น ควรจะเป็นที่รู้อย่างชัดเจนและอย่างถูกต้องแม่นยำโดยทุกบุคคล โดยทุกคนที่พยายามรู้จักพระเจ้า ความรู้นี้จะให้ความมั่นใจแก่เจ้าในการเชื่อของเจ้าในการดำรงอยู่ที่แท้จริงของพระเจ้า มันยังจะให้ความรู้ที่ถูกต้องแม่นยำแก่เจ้าเกี่ยวกับพระปรีชาญาณ ฤทธานุภาพของพระองค์ และลักษณะที่พระองค์ทรงใช้เพื่อจัดเตรียมให้แก่ทุกสรรพสิ่งอีกด้วย มันจะเปิดโอกาสให้เจ้าเข้าใจอย่างชัดเจนถึงการดำรงอยู่ที่แท้จริงของพระเจ้า และมองเห็นว่าการดำรงอยู่ของพระองค์นั้นไม่ใช่เรื่องแต่ง ไม่ใช่ตำนาน ไม่คลุมเครือ ไม่ใช่ทฤษฎี และไม่ใช่การปลอบโยนทางวิญญาณชนิดหนึ่งอย่างแน่นอน แต่เป็นการดำรงอยู่จริง ยิ่งไปกว่านั้น นั่นจะเปิดโอกาสให้ผู้คนรู้ว่าพระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมให้แก่สรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวงและให้แก่มวลมนุษย์อยู่เสมอ พระเจ้าทรงทำการนี้ในหนทางของพระองค์เองและโดยสอดคล้องกับจังหวะของพระองค์เอง ดังนั้น เป็นเพราะพระเจ้าได้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่งและได้ทรงให้กฎเกณฑ์ทั้งหลายแก่สิ่งเหล่านั้นนั่นเอง พวกมันแต่ละสิ่งจึงมีความสามารถที่จะปฏิบัติกิจตามที่ได้รับแบ่งสรรของพวกมัน ปฏิบัติความรับผิดชอบของพวกมันให้ลุล่วง แสดงบทบาทของพวกมันเองภายใต้การทรงลิขิตล่วงหน้าของพระองค์ แต่ละสิ่งมีประโยชน์ของมันเองในการปรนนิบัติมวลมนุษย์และพื้นที่และสภาพแวดล้อมที่มวลมนุษย์อยู่อาศัย ภายใต้การทรงลิขิตล่วงหน้าของพระองค์ หากพระเจ้าไม่ได้ทรงทำเช่นนั้น และมวลมนุษย์ไม่ได้มีสภาพแวดล้อมเพื่ออยู่อาศัย เช่นนั้นแล้ว การที่เชื่อในพระเจ้าหรือการติดตามพระองค์ก็คงจะเป็นไปไม่ได้สำหรับมวลมนุษย์ ทั้งหมดนั้นคงจะไม่เป็นสิ่งใดมากไปกว่าการพูดคุยที่ว่างเปล่า นั่นไม่เป็นดังนั้นหรอกหรือ?
—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 7
ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ
วิดีโอประเภทอื่นๆ