พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 82

วันที่ 23 เดือน 02 ปี 2024

ในช่วงระหว่างเวลาที่องค์พระเยซูเจ้าได้ทรงพระราชกิจในเนื้อหนังนั้น บรรดาผู้ติดตามของพระองค์ส่วนใหญ่ไม่สามารถพิสูจน์ยืนยันพระอัตลักษณ์ของพระองค์และสิ่งที่พระองค์ตรัสได้อย่างเต็มที่ เมื่อพระองค์กำลังทรงเข้าไปใกล้กางเขน ท่าทีของบรรดาผู้ติดตามของพระองค์คือท่าทีของการสังเกต เช่นนั้นแล้ว นับตั้งแต่เวลาที่พระองค์ได้ทรงถูกตรึงที่กางเขนจนถึงเวลาที่พระองค์ทรงถูกฝังในอุโมงค์ฝังศพ ท่าทีที่ผู้คนมีต่อพระองค์คือความผิดหวัง ในช่วงระหว่างเวลานี้ ในหัวใจของพวกเขาผู้คนได้เริ่มเปลี่ยนจากการสงสัยในสิ่งต่างๆ ที่องค์พระเยซูเจ้าได้ตรัสไว้ในช่วงระหว่างเวลาของพระองค์ในเนื้อหนัง ไปเป็นการปฏิเสธสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด จากนั้น เมื่อพระองค์ได้เสด็จพระดำเนินออกจากอุโมงค์ฝังศพและได้ทรงปรากฏต่อผู้คนทีละคน ผู้คนส่วนใหญ่ที่มองเห็นพระองค์ด้วยตาของพวกเขาเองหรือได้ยินข่าวการคืนพระชนม์ของพระองค์จึงได้ค่อยๆ เปลี่ยนท่าทีของพวกเขาจากการปฏิเสธเป็นความกังขา พวกเขายอมรับข้อเท็จจริงที่ว่าองค์พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระคริสต์ในเนื้อหนังก็เฉพาะเมื่อองค์พระเยซูเจ้าได้ทรงให้โธมัสวางมือของเขาลงบนพระปรัศว์ของพระองค์ และเมื่อพระองค์ทรงหักขนมปังและเสวยมันต่อหน้าฝูงชนหลังจากการคืนพระชนม์ของพระองค์ และจากนั้นจึงเสวยปลาย่างต่อหน้าพวกเขาเท่านั้น เจ้าสามารถพูดได้ว่ามันเป็นเสมือนว่ากายจิตวิญญาณนี้ของเนื้อและเลือดที่ยืนต่อหน้าผู้คนเหล่านั้นกำลังปลุกพวกเขาทุกๆ คนจากความฝัน: บุตรมนุษย์ที่ทรงยืนต่อหน้าพวกเขาคือองค์หนึ่งเดียวผู้ซึ่งได้ทรงดำรงอยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณ พระองค์ทรงมีรูปร่างและเนื้อหนังและพระอัฐิ และพระองค์ได้ทรงพระชนม์ชีพและเสวยพระกระยาหารเคียงข้างมวลมนุษย์มาเป็นเวลานานแล้ว…ในเวลานี้ ผู้คนรู้สึกว่าการดำรงอยู่ของพระองค์เป็นจริงอย่างยิ่ง และช่างยอดเยี่ยมยิ่ง ในขณะเดียวกัน พวกเขายังชื่นบานและมีความสุข และเต็มไปด้วยอารมณ์ด้วยเช่นกัน การทรงปรากฏอีกครั้งของพระองค์ทำให้ผู้คนสามารถมองเห็นความถ่อมพระทัยของพระองค์ได้อย่างแท้จริง รู้สึกถึงความใกล้ชิดและความผูกพันกับมวลมนุษย์ของพระองค์ และรู้สึกว่าพระองค์มีพระดำริเกี่ยวกับพวกเขามากเพียงใด การอยู่ร่วมกันเป็นเวลาสั้นๆ อีกครั้งนี้ทำให้ผู้คนที่มองเห็นองค์พระเยซูเจ้ารู้สึกเสมือนว่าชั่วชีวิตได้ผ่านไป หัวใจที่สูญเสีย สับสน หวั่นเกรง วิตกกังวล โหยหา และด้านชาของพวกเขาได้พบความสบายใจ พวกเขาไม่เคลือบแคลงหรือผิดหวังอีกต่อไป เพราะพวกเขารู้สึกว่าตอนนี้มีความหวังและมีบางสิ่งบางอย่างให้พึ่งพา จากนั้น บุตรมนุษย์ที่ทรงยืนต่อหน้าพวกเขาจะระวังหลังให้พวกเขาอยู่เสมอ พระองค์จะทรงเป็นปราการที่แข็งแรงของพวกเขา เป็นที่หลบภัยของพวกเขานิจนิรันดร์

ถึงแม้ว่าองค์พระเยซูเจ้าจะได้ทรงคืนพระชนม์ แต่พระทัยของพระองค์และพระราชกิจของพระองค์ก็ไม่ได้จากมวลมนุษย์ไป โดยการทรงปรากฏต่อผู้คน พระองค์ได้ตรัสบอกพวกเขาว่าไม่ว่าพระองค์จะทรงดำรงอยู่ในรูปร่างใดก็ตาม พระองค์จะทรงร่วมทางไปกับผู้คน เสด็จพระดำเนินกับพวกเขา และทรงอยู่กับพวกเขาในทุกที่และทุกเวลา พระองค์ได้ตรัสบอกพวกเขาว่าพระองค์จะทรงจัดเตรียมมวลมนุษย์และเลี้ยงดูพวกเขา อนุญาตให้พวกเขามองเห็นและสัมผัสพระองค์ และทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่มีวันรู้สึกไร้ที่พึ่งอีกในทุกที่และทุกเวลา องค์พระเยซูเจ้ายังทรงต้องประสงค์ให้ผู้คนรู้ว่าพวกเขาไม่ได้ใช้ชีวิตตามลำพังในโลกนี้ มวลมนุษย์มีความใส่พระทัยของพระเจ้า พระเจ้าทรงอยู่กับพวกเขา พวกเขาสามารถพึ่งพิงพระเจ้าได้เสมอ และพระองค์ทรงเป็นครอบครัวของผู้ติดตามของพระองค์ทุกๆ คน เมื่อมีพระเจ้าให้พึ่งพิงแล้ว มวลมนุษย์จะไม่เปล่าเปลี่ยวหรือไร้ที่พึ่งอีกต่อไป และผู้ที่ยอมรับพระองค์ว่าเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาปของพวกเขาจะไม่ถูกผูกมัดในบาปอีกต่อไป ในสายตาของมนุษย์ พระราชกิจส่วนเหล่านี้ของพระองค์ที่องค์พระเยซูเจ้าได้ทรงดำเนินการหลังจากการคืนพระชนม์ของพระองค์นั้นเป็นสิ่งเล็กน้อยอย่างมาก แต่ตามที่เราเห็นนั้น ทุกๆ สิ่งที่พระองค์ได้ทรงทำช่างเปี่ยมความหมาย ช่างล้ำค่า ช่างมีความสำคัญและเต็มไปด้วยนัยสำคัญอย่างหนักหน่วง

ถึงแม้ว่าช่วงเวลาที่องค์พระเยซูเจ้าทรงพระราชกิจในเนื้อหนังนั้นจะเต็มไปด้วยความยากลำบากและความทุกข์ พระองค์ก็ได้ทรงพระราชกิจของพระองค์ในเนื้อหนังเพื่อไถ่มวลมนุษย์ ณ เวลานั้นได้สำเร็จลุล่วงอย่างครบบริบูรณ์และเพียบพร้อม โดยผ่านทางการทรงปรากฏในกายจิตวิญญาณของเนื้อและเลือดของพระองค์ พระองค์ได้ทรงเริ่มต้นพันธกิจของพระองค์โดยการทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ และพระองค์ได้ทรงสรุปพันธกิจของพระองค์โดยการทรงปรากฏต่อมวลมนุษย์ในรูปร่างที่เป็นเนื้อหนังของพระองค์ พระองค์ได้ทรงป่าวประกาศยุคพระคุณ ทรงเริ่มต้นยุคใหม่โดยผ่านทางพระอัตลักษณ์ของพระองค์ในฐานะพระคริสต์ พระองค์ได้ทรงดำเนินพระราชกิจในยุคพระคุณ และพระองค์ได้ทรงเสริมกำลังและนำผู้ติดตามทั้งหมดของพระองค์ในยุคพระคุณโดยผ่านทางพระอัตลักษณ์ของพระองค์ในฐานะพระคริสต์ พระราชกิจของพระเจ้านั้นสามารถกล่าวได้ว่าพระองค์ทรงปฏิบัติสิ่งที่พระองค์ทรงเริ่มต้นให้เสร็จสิ้นอย่างแท้จริง มีขั้นตอนและแผนการ และพระราชกิจนั้นเต็มไปด้วยพระปรีชาญาณของพระองค์ ฤทธานุภาพไม่สิ้นสุดของพระองค์ กิจการที่น่าพิศวงของพระองค์ และความรักและความปรานีของพระองค์ แน่นอนว่าเส้นด้ายเส้นสำคัญที่ร้อยผ่านพระราชกิจทั้งหมดของพระเจ้าคือความใส่พระทัยที่พระองค์ทรงมีให้กับมวลมนุษย์ สิ่งนี้แผ่ซ่านไปด้วยความรู้สึกกังวลของพระองค์ ซึ่งพระองค์ไม่เคยทรงสามารถละวางลงได้เลย ในวรรคเหล่านี้ของพระคัมภีร์ ในทุกๆ สิ่งที่องค์พระเยซูเจ้าได้ทรงทำหลังจากการคืนพระชนม์ของพระองค์ ความหวังที่ไม่เปลี่ยนแปลงของพระเจ้าและความกังวลที่ทรงมีให้กับมวลมนุษย์ได้รับการเผยออกมา เช่นเดียวกับความใส่พระทัยอย่างพิถีพิถันและการทะนุถนอมมวลมนุษย์ของพระองค์ด้วยเช่นกัน ไม่มีสิ่งใดในนี้เคยเปลี่ยนแปลง ตลอดเวลาจนถึงเวลาปัจจุบัน—พวกเจ้าสามารถมองเห็นได้หรือไม่? เมื่อพวกเจ้ามองเห็นสิ่งนี้ หัวใจของพวกเจ้าไม่ได้เข้าใกล้พระเจ้าโดยไม่รู้ตัวหรอกหรือ? หากพวกเจ้าใช้ชีวิตในยุคนั้น และองค์พระเยซูเจ้าทรงปรากฏต่อพวกเจ้าหลังจากการคืนพระชนม์ของพระองค์ในรูปร่างที่จับต้องได้เพื่อให้พวกเจ้ามองเห็น และหากพระองค์ประทับต่อหน้าพวกเจ้า เสวยขนมปังและปลา และอธิบายข้อพระคัมภีร์ให้พวกเจ้าฟัง และตรัสกับพวกเจ้า เช่นนั้นแล้วพวกเจ้าจะรู้สึกอย่างไร? เจ้าจะรู้สึกมีความสุขหรือไม่? หรือว่าเจ้าจะรู้สึกผิด? ความเข้าใจผิดและการหลีกเลี่ยงพระเจ้าก่อนหน้านี้ ปัญหาความขัดแย้งและความสงสัยพระเจ้า—สิ่งเหล่านี้จะไม่แค่หายไปหรอกหรือ? สัมพันธภาพระหว่างพระเจ้าและมนุษย์จะไม่กลายเป็นปกติและถูกต้องเหมาะสมมากขึ้นหรอกหรือ?

โดยการตีความบทตอนที่จำกัดเหล่านี้ในพระคัมภีร์ พวกเจ้าพบข้อบกพร่องใดๆ ในพระอุปนิสัยของพระเจ้าหรือไม่? พวกเจ้าพบการมีสิ่งเจือปนใดๆ ในความรักของพระเจ้าหรือไม่? พวกเจ้ามองเห็นการหลอกลวงหรือความชั่วใดๆ ในฤทธานุภาพไม่สิ้นสุดหรือพระปรีชาญาณของพระเจ้าหรือไม่? ไม่อย่างแน่นอน! ตอนนี้พวกเจ้าสามารถพูดด้วยความมั่นใจได้หรือไม่ว่าพระเจ้าทรงบริสุทธิ์? พวกเจ้าสามารถพูดด้วยความมั่นใจได้หรือไม่ว่าอารมณ์แต่ละอย่างของพระเจ้าคือการเผยถึงเนื้อแท้และพระอุปนิสัยของพระองค์? เราหวังว่าหลังจากที่พวกเจ้าได้อ่านพระวจนะเหล่านี้แล้ว ความเข้าใจที่พวกเจ้าได้รับจากพระวจนะเหล่านี้จะช่วยเจ้าและนำผลประโยชน์มาให้เจ้าในการไล่ตามเสาะหาการเปลี่ยนแปลงในอุปนิสัยและความกลัวพระเจ้าของเจ้า และว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดผลในตัวพวกเจ้า ผลที่เติบโตขึ้นในแต่ละวัน เพื่อให้ในขณะที่กำลังทำการไล่ตามเสาะหานี้ พวกเจ้าจะได้รับการนำเข้าไปใกล้ชิดกับพระเจ้ายิ่งขึ้นเรื่อยๆ ใกล้ชิดกับมาตรฐานที่พระเจ้าทรงพึงประสงค์ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เจ้าจะไม่เบื่อกับการไล่ตามเสาะหาความจริงอีกต่อไป และจะไม่รู้สึกว่าการไล่ตามเสาะหาความจริงและการเปลี่ยนแปลงในอุปนิสัยเป็นเรื่องยุ่งยากหรือเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เมื่อได้รับแรงจูงใจจากการแสดงออกถึงพระอุปนิสัยที่แท้จริงของพระเจ้าและเนื้อแท้ที่บริสุทธิ์ของพระเจ้าแล้ว พวกเจ้าจะถวิลหาความสว่าง ถวิลหาความยุติธรรม มุ่งที่จะไล่ตามเสาะหาความจริง ไล่ตามเสาะหาการสนองน้ำพระทัยของพระเจ้า และเจ้าจะกลายเป็นบุคคลที่พระเจ้าได้ทรงรับไว้ กลายเป็นบุคคลที่แท้จริง

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระราชกิจของพระเจ้า พระอุปนิสัยของพระเจ้า และพระเจ้าพระองค์เอง 3

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger