พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 16
วันที่ 06 เดือน 06 ปี 2024
ท่าทีของพระเจ้าต่อพวกที่หนีหายไปในระหว่างพระราชกิจของพระองค์
มีผู้คนเช่นนี้อยู่ทุกหนแห่ง นั่นคือ หลังจากพวกเขาได้แน่ใจเกี่ยวกับทางของพระเจ้าแล้ว ด้วยเหตุผลหลากหลาย พวกเขาก็จากไปในความเงียบ โดยไม่กล่าวคำอำลา เพื่อออกไปและทำในสิ่งใดก็ตามที่หัวใจของพวกเขาอยากทำ สำหรับตอนนี้พวกเราจะไม่สนใจเหตุผลที่ผู้คนเหล่านี้จากไป ก่อนอื่นพวกเราจะมามองดูว่าอะไรคือท่าทีของพระเจ้าต่อบุคคลประเภทนี้ มันชัดเจนมาก! จากชั่วขณะที่ผู้คนเหล่านี้เดินจากไป ในสายพระเนตรของพระเจ้า ช่วงเวลาแห่งความเชื่อของพวกเขาก็ได้สิ้นสุดลง ไม่ใช่ปัจเจกบุคคลที่ได้ยุติความเชื่อ แต่เป็นพระเจ้า การที่บุคคลผู้นี้จากพระเจ้าไปหมายความว่าพวกเขาได้ปฏิเสธพระเจ้าแล้ว หมายความว่าพวกเขาไม่ต้องการพระองค์อีกต่อไป และหมายความว่าพวกเขาไม่ยอมรับความรอดของพระเจ้าอีกต่อไป ในเมื่อผู้คนเช่นนี้ไม่ต้องการพระเจ้า พระเจ้าจะยังคงทรงสามารถต้องการพวกเขาหรือไม่? ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อผู้คนเช่นนี้มีท่าทีแบบนี้ ทรรศนะนี้ และได้กลายเป็นมุ่งมั่นที่จะจากพระเจ้าไป พวกเขาก็ได้ทำให้พระอุปนิสัยของพระเจ้าทรงระคายเคืองแล้ว นี่เป็นไปทั้งๆ ที่มีข้อเท็จจริงว่าพวกเขาอาจไม่ได้เกิดความโกรธขึ้นมาและด่าทอพระเจ้า ทั้งๆ ที่มีข้อเท็จจริงว่าพวกเขาอาจไม่ได้มีส่วนร่วมในพฤติกรรมชั่วช้าหรือเกินเลยใดๆ และทั้งๆ ที่มีข้อเท็จจริงว่าผู้คนเหล่านี้กำลังคิดว่า "หากจะมีสักวันเมื่อข้าพระองค์ได้มีความสนุกสนานภายนอกจนจุใจแล้ว หรือเมื่อข้าพระองค์ยังคงจำเป็นต้องมีพระเจ้าเพื่ออะไรบางอย่าง ข้าพระองค์ก็จะกลับมา หรือหากพระเจ้าทรงเรียกหาข้าพระองค์ ข้าพระองค์ก็จะกลับมา" หรือพวกเขาพูดว่า "เมื่อข้าพระองค์ได้รับบาดเจ็บที่ภายนอก หรือเมื่อข้าพระองค์เห็นว่าโลกภายนอกนั้นมืดเกินไปและชั่วร้ายเกินไป และข้าพระองค์ไม่ต้องการไปตามกระแสอีกต่อไป ข้าพระองค์ก็จะกลับมาหาพระเจ้า" แม้ว่าผู้คนเหล่านี้ได้คำนวณในจิตใจของพวกเขาถึงเวลาที่แน่นอนที่พวกเขาจะกลับมา และแม้ว่าพวกเขาได้พยายามทิ้งให้ประตูเปิดไว้เพื่อการกลับมาของพวกเขาแล้ว พวกเขาก็ไม่ตระหนักว่า ไม่สำคัญว่าพวกเขาเชื่ออะไร หรือพวกเขาวางแผนอย่างไร ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงความคิดเพ้อฝัน ความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาคือความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับว่า ความอยากจากไปของพวกเขาทำให้พระเจ้าทรงรู้สึกอย่างไร จากชั่วขณะจริงที่พวกเขาได้ตัดสินใจที่จะจากพระเจ้าไป พระองค์ก็ทรงละทิ้งพวกเขาอย่างสิ้นเชิงแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นพระองค์ก็ทรงได้กำหนดพิจารณาบทอวสานของบุคคลเช่นนี้ในพระทัยของพระองค์แล้ว นั่นคือบทอวสานอะไร? มันก็คือว่าบุคคลผู้นี้จะเป็นหนึ่งในพวกหนู และดังนั้น จะพินาศไปพร้อมกับพวกมัน ด้วยเหตุนี้ ผู้คนมักจะเห็นสถานการณ์แบบนี้บ่อยๆ นั่นคือ ใครบางคนละทิ้งพระเจ้า แต่แล้วก็ไม่ได้รับการลงโทษ พระเจ้าทรงปฏิบัติการโดยสอดคล้องกับหลักการของพระองค์เอง บางสิ่งสามารถมองเห็นได้ ในขณะที่สิ่งอื่นๆ ถูกสรุปในพระทัยของพระเจ้าเท่านั้น ดังนั้นผู้คนจึงไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ ส่วนที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้นั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นด้านที่แท้จริงของสิ่งทั้งหลาย แต่ด้านอื่นนั้น—ด้านที่เจ้าไม่เห็น—จริงๆ แล้วประกอบด้วยความคิดและข้อสรุปที่จริงใจแท้จริงของพระเจ้า
ผู้คนที่หนีหายไปในระหว่างพระราชกิจของพระเจ้าคือพวกที่ละทิ้งทางที่แท้จริง
ดังนั้น พระเจ้าทรงสามารถให้การลงโทษที่จริงจังแบบนี้แก่ผู้คนได้อย่างไร? เหตุใดพระองค์จึงกริ้วพวกเขาขนาดนั้น? แรกที่สุดพวกเรารู้ว่าพระอุปนิสัยของพระเจ้าคือพระบารมีและพระพิโรธ พระองค์ไม่ทรงเป็นแกะที่ถูกผู้ใดฆ่า นับประสาอะไรที่จะเป็นหุ่นเชิดที่ถูกควบคุมโดยผู้คนให้ทำอะไรก็ได้ที่พวกเขาอยากให้ทำ พระองค์ไม่ทรงเป็นอากาศว่างเปล่าที่ถูกบงการอีกด้วย หากเจ้าเชื่ออย่างแท้จริงว่าพระเจ้าทรงดำรงอยู่จริง เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็ควรมีหัวใจที่ยำเกรงพระเจ้า และเจ้าควรรู้ว่าเนื้อแท้ของพระองค์ไม่ใช่เนื้อแท้ที่จะถูกทำให้โกรธ ความโกรธนี้อาจก่อเกิดโดยคำพูด หรือบางทีความคิด หรือบางทีพฤติกรรมเลวทรามบางอย่าง หรือบางทีแม้แต่พฤติกรรมเบาๆ—พฤติกรรมที่ให้ผ่านได้ในสายตาและจริยธรรมของพวกมนุษย์ หรือบางทีมันอาจจะถูกกระตุ้นโดยคำสอนหรือทฤษฎี อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เจ้าได้ทำให้พระเจ้าทรงพระพิโรธ โอกาสของเจ้าก็จะหายไป และวันสุดท้ายของเจ้าก็จะมาถึง นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัว! หากเจ้าไม่เข้าใจว่าพระเจ้าจะต้องไม่ทรงถูกทำให้ขุ่นเคือง เช่นนั้นแล้วบางทีเจ้าอาจไม่กลัวพระองค์ และบางทีเจ้าอาจกำลังทำให้พระองค์ทรงขุ่นเคืองเป็นกิจวัตร หากเจ้าไม่รู้วิธียำเกรงพระเจ้า เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะไร้ความสามารถที่จะยำเกรงพระเจ้า และเจ้าจะไม่รู้วิธีที่จะนำตัวเจ้าเองมาอยู่บนเส้นทางแห่งการเดินในหนทางของพระเจ้า—การยำเกรงพระเจ้าและหลบเลี่ยงความชั่ว ทันทีที่เจ้ากลายเป็นไหวตัวรับรู้ และรู้สึกตัวว่าพระเจ้าต้องไม่ถูกทำให้ทรงขุ่นเคือง เจ้าก็จะรู้ว่าอะไรคือการยำเกรงพระเจ้าและหลบเลี่ยงความชั่ว
การเดินในทางแห่งการยำเกรงพระเจ้าและการหลบเลี่ยงความชั่วนั้น ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับว่า เจ้ารู้จักความจริงมากเท่าใด เจ้าได้รับประสบการณ์กับการทดสอบกี่ครั้ง หรือเจ้าได้ถูกบ่มวินัยมากเท่าใดแล้ว แต่มันขึ้นอยู่กับท่าทีแบบใดที่เจ้ามีต่อพระเจ้าในหัวใจของเจ้า และแก่นแท้ใดที่เจ้าแสดงออก แก่นแท้ของผู้คนและท่าทีเฉพาะตัวของพวกเขา—เหล่านี้สำคัญมาก สำคัญอย่างยิ่งยวดมาก ในส่วนของพวกที่ได้ประกาศตัดขาดและไปจากพระเจ้า ท่าทีที่น่าเหยียดหยามของพวกเขาต่อพระองค์ และหัวใจของพวกเขาที่ดูหมิ่นความจริงนั้น ได้สร้างความระคายเคืองแก่พระอุปนิสัยของพระองค์แล้ว ดังนั้น ในความคิดเห็นของพระองค์ พวกเขาจะไม่มีวันได้รับการให้อภัย พวกเขาได้รู้ถึงการทรงดำรงอยู่ของพระเจ้า ได้รับแจ้งข่าวที่ว่าพระองค์ได้ทรงมาถึงแล้ว และยังได้รับประสบการณ์กับพระราชกิจใหม่ของพระเจ้าด้วยซ้ำ การจากไปของพวกเขาไม่ใช่กรณีของการถูกหลอกให้เชื่อหรือหัวหมุนมึนงง นับประสาอะไรที่พวกเขาจะถูกบังคับให้จากไป ตรงกันข้าม พวกเขาเลือกไปจากพระเจ้าอย่างรู้ตัวและด้วยจิตใจที่ปลอดโปร่ง การจากไปของพวกเขาไม่ได้เป็นเรื่องของการหลงทางของพวกเขา อีกทั้งพวกเขาก็ไม่ได้ถูกทิ้งขว้างด้วย ดังนั้นในสายพระเนตรของพระเจ้า พวกเขาไม่ใช่ลูกแกะที่ไถลห่างจากฝูง และยิ่งไม่ต้องพูดถึงบรรดาบุตรน้อยผู้หลงหายที่หลงทางไป พวกเขาจากไปโดยได้รับการยกเว้นโทษ—และสภาพเงื่อนไขเช่นนี้ สถานการณ์เช่นนี้ สร้างความระคายเคืองแก่พระอุปนิสัยของพระเจ้า และเป็นเพราะความระคายเคืองนี้ พระองค์จึงทรงให้บทอวสานที่สิ้นหวังแก่พวกเขา บทอวสานแบบนี้ไม่น่าตกใจหรอกหรือ? เพราะฉะนั้น หากผู้คนไม่รู้จักพระเจ้า พวกเขาสามารถทำให้พระองค์ทรงขุ่นเคืองได้ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก! หากผู้คนไม่ถือจริงจังกับท่าทีของพระเจ้า และยังคงเชื่อว่าพระองค์กำลังทรงตั้งตารอคอยการกลับมาของพวกเขาเพราะพวกเขาเป็นลูกแกะที่หายไปบางส่วนของพระองค์ และพระองค์ยังคงทรงรอให้พวกเขามีการเปลี่ยนใจ เช่นนั้นแล้วพวกเขาก็อยู่ไม่ไกลจากวันแห่งการลงโทษของพวกเขา พระเจ้าจะไม่เพียงทรงปฏิเสธที่จะยอมรับพวกเขา—ในเมื่อนี่เป็นครั้งที่สองที่พวกเขาสร้างความระคายเคืองแก่พระอุปนิสัยนิสัยของพระองค์ เรื่องนี้จึงแย่มากยิ่งขึ้นไปอีก! ท่าทีที่ไร้ความเคารพของผู้คนเหล่านี้ได้ละเมิดประกาศกฤษฎีกาบริหารของพระเจ้าแล้ว พระองค์จะยังคงทรงยอมรับพวกเขาหรือไม่? ในพระทัยของพระองค์ หลักการของพระเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือว่า ใครบางคนได้บรรลุความแน่ใจเกี่ยวกับทางที่แท้จริงแล้ว แต่ยังคงสามารถปฏิเสธพระเจ้าและไปจากพระเจ้าอย่างรู้ตัวและด้วยจิตใจที่ปลอดโปร่ง จากนั้นพระองค์จะทรงปิดถนนสู่ความรอดของบุคคลเช่นนี้ และสำหรับบุคคลผู้นี้ ประตูสู่ราชอาณาจักรก็จะถูกปิดตั้งแต่นั้นเป็นต้นไป เมื่อบุคคลผู้นี้มาเคาะอีกครั้ง พระเจ้าก็จะไม่ทรงเปิดประตู บุคคลผู้นี้จะถูกทิ้งไว้ข้างนอกตลอดกาล บางทีพวกเจ้าบางคนได้อ่านเรื่องราวของโมเสสในพระคัมภีร์แล้ว หลังจากที่โมเสสได้รับการทรงเจิมจากพระเจ้า ผู้นำ 250 ท่านได้แสดงออกถึงความไม่เชื่อฟังต่อโมเสส เพราะการกระทำทั้งหลายของเขาและด้วยเหตุผลอื่นๆ อันหลากหลาย พวกเขาได้ปฏิเสธที่จะนบนอบต่อผู้ใด? ไม่ใช่โมเสส พวกเขาได้ปฏิเสธที่จะนบนอบต่อการจัดการเตรียมการของพระเจ้า พวกเขาได้ปฏิเสธที่จะนบนอบต่อพระราชกิจของพระเจ้าในประเด็นปัญหานี้ พวกเขาได้พูดดังนี้ "ท่านทำเกินเหตุ เพราะว่าชุมนุมชนทั้งหมดก็บริสุทธิ์ทุกๆ คน และพระยาห์เวห์สถิตท่ามกลางพวกเขา…" คำพูดและประโยคเหล่านี้จริงจังมาก จากทัศนคติของมนุษย์ใช่หรือไม่? คำพูดและประโยคเหล่านี้ไม่จริงจัง! อย่างน้อยที่สุด ความหมายตามตัวอักษรของคำพูดเหล่านี้ไม่จริงจัง ในแง่กฎหมาย พวกเขาไม่ได้ทำผิดกฎหมายใดๆ เพราะโดยผิวเผินจริงๆ แล้ว นี่ไม่ใช่ภาษาหรือคำศัพท์ที่เป็นปรปักษ์ นับประสาอะไรที่มันจะมีความหมายโดยนัยที่ดูเป็นการหมิ่นประมาทใดๆ เหล่านี้เป็นเพียงประโยคธรรมดาสามัญ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น เช่นนั้นแล้ว เหตุใดจึงเป็นว่าคำพูดเหล่านี้สามารถกระตุ้นพระพิโรธเช่นนั้นจากพระเจ้า? เป็นเพราะคำพูดเหล่านี้ไม่ได้ถูกพูดกับผู้คน แต่ถูกพูดกับพระเจ้า ท่าทีและอุปนิสัยที่คำพูดเหล่านี้แสดงออกมานั้นคือสิ่งที่ทำให้พระอุปนิสัยของพระเจ้าทรงระคายเคืองอย่างแน่นอน และพวกเขาทำความขุ่นเคืองให้กับพระอุปนิสัยของพระเจ้าซึ่งต้องไม่ถูกทำให้ขุ่นเคือง พวกเราทั้งหมดรู้ว่าบทอวสานของผู้นำเหล่านั้นคืออะไรในท้ายที่สุด ในส่วนที่เกี่ยวกับผู้คนที่ได้ละทิ้งพระเจ้า ทัศนคติของพวกเขาคืออะไร? อะไรเล่าคือท่าทีของพวกเขา? และเหตุใดทัศนคติและท่าทีของพวกเขาทำให้พระเจ้าทรงจัดการกับพวกเขาในลักษณะเช่นนี้? เหตุผลก็คือแม้ว่าพวกเขารู้อย่างชัดเจนว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า พวกเขาก็ยังคงเลือกที่จะทรยศพระองค์ และนี่คือเหตุผลที่พวกเขาถูกปลดเปลื้องโอกาสที่จะได้รับความรอดโดยสิ้นเชิง ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า "เพราะถ้าเรายังจงใจทำบาปอยู่เรื่อยๆ หลังจากได้รับความรู้เรื่องความจริงแล้ว ก็จะไม่มีเครื่องบูชาลบบาปเหลืออยู่เลย" (ฮีบรู 10:26) บัดนี้พวกเจ้ามีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่?
—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, วิธีรู้จักพระอุปนิสัยของพระเจ้าและผลลัพธ์ที่พระราชกิจของพระองค์จะสัมฤทธิ์
ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ
วิดีโอประเภทอื่นๆ