พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 147

วันที่ 29 เดือน 05 ปี 2021

วิธีที่ซาตานใช้ความรู้เพื่อทำให้มนุษย์เสื่อมทราม

ก่อนอื่น พวกเราจะคุยกันถึงความรู้ ความรู้คือบางสิ่งบางอย่างที่ทุกคนพิจารณาว่าเป็นสิ่งที่เป็นบวกใช่หรือไม่? อย่างน้อยที่สุด ผู้คนคิดว่าความหมายแฝงของคำว่า "ความรู้" เป็นเชิงบวกมากกว่าเชิงลบ ดังนั้น เหตุใดพวกเราจึงกำลังกล่าวถึงในที่นี้ว่าซาตานใช้ความรู้เพื่อทำให้มนุษย์เสื่อมทราม? ทฤษฎีวิวัฒนาการไม่ใช่แง่มุมหนึ่งของความรู้หรอกหรือ? กฎวิทยาศาสตร์ของนิวตันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของความรู้หรอกหรือ? แรงโน้มถ่วงของโลกก็เป็นส่วนหนึ่งของความรู้ด้วยมิใช่หรือ? (ใช่) ดังนั้น เหตุใดเล่า ความรู้จึงถูกระบุรายการให้อยู่ท่ามกลางสิ่งทั้งหลายที่ซาตานใช้เพื่อทำให้มวลมนุษย์เสื่อมทราม? ทรรศนะของพวกเจ้าในการนี้เป็นอย่างไร? ความรู้มีความจริงแม้สักเศษเสี้ยวหนึ่งในตัวมันหรือไม่? (ไม่มี) เช่นนั้นแล้ว เนื้อแท้ของความรู้คือสิ่งใด? ความรู้ทั้งหมดที่ผู้คนขวนขวายได้เรียนรู้นั้นอยู่บนพื้นฐานของสิ่งใด? มันอยู่บนพื้นฐานของทฤษฎีวิวัฒนาการใช่หรือไม่? มิใช่ความรู้หรอกหรือที่มนุษย์ได้มาโดยผ่านทางการสำรวจค้น และการรวมยอด บนพื้นฐานของอเทวนิยม? ความรู้นี้มีความเชื่อมโยงกับพระเจ้าบ้างหรือไม่? มันเชื่อมโยงกับการนมัสการพระเจ้าหรือไม่? มันเชื่อมโยงกับความจริงหรือไม่? (ไม่) ดังนั้น ซาตานใช้ความรู้เพื่อทำให้มนุษย์เสื่อมทรามอย่างไร? เราเพิ่งกล่าวไปว่าไม่มีสิ่งใดจากความรู้นี้ที่เชื่อมโยงกับการนมัสการพระเจ้าหรือกับความจริงเลย ผู้คนบางคนคิดถึงมันเช่นนี้ว่า "ความรู้อาจไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับความจริง แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่ได้ทำให้ผู้คนเสื่อมทราม" ทรรศนะของพวกเจ้าในเรื่องนี้เป็นอย่างไร? เจ้าได้รับการสอนด้วยความรู้ที่ว่าความสุขของบุคคลหนึ่งต้องสร้างขึ้นด้วยสองมือของพวกเขาเองใช่หรือไม่? ความรู้สอนเจ้าว่าชะตากรรมของมนุษย์อยู่ในมือของเขาเองใช่หรือไม่? (ใช่) นี่เป็นการพูดคุยประเภทใด? (มันเป็นการพูดคุยที่ชั่วร้าย) ถูกต้องที่สุด! มันเป็นการพูดคุยที่ชั่วร้าย! ความรู้เป็นเรื่องซับซ้อนที่จะสนทนากัน เจ้าอาจกล่าวระบุอย่างเรียบง่ายว่าสาขาของความรู้ไม่ใช่สิ่งใดมากไปกว่าความรู้ นั่นก็คือสาขาหนึ่งของความรู้ที่เรียนรู้บนพื้นฐานของการไม่นมัสการพระเจ้าและบนการไม่เข้าใจว่าพระเจ้าได้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่ง เมื่อผู้คนศึกษาความรู้ชนิดนี้ พวกเขามองไม่เห็นว่าพระเจ้าทรงมีอธิปไตยเหนือทุกสรรพสิ่ง พวกเขามองไม่เห็นว่าพระเจ้าทรงกำกับดูแลหรือบริหารจัดการทุกสรรพสิ่ง แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ทั้งหมดที่พวกเขาทำก็คือการศึกษาวิจัยและสำรวจค้นความรู้สาขาวิชานั้นอย่างไม่รู้จบ และแสวงค้นคำตอบบนพื้นฐานของความรู้ อย่างไรก็ตาม มันไม่ถูกหรือที่ว่าหากผู้คนไม่เชื่อในพระเจ้าและกลับไล่ตามเสาะหาการศึกษาวิจัยเท่านั้น พวกเขาจะไม่มีวันพบเจอคำตอบที่แท้จริง? ทั้งหมดที่ความรู้สามารถมอบให้เจ้าได้ก็คือการทำมาหากิน อาชีพการงาน รายได้ เพื่อที่เจ้าจะไม่ต้องหิวโหย แต่มันจะไม่มีวันทำให้เจ้านมัสการพระเจ้า และมันจะไม่มีวันรักษาเจ้าให้ห่างจากความชั่ว ยิ่งเจ้าศึกษาความรู้มากขึ้น เจ้าจะยิ่งอยากเป็นกบฏต่อพระเจ้า อยากให้พระเจ้าอยู่ภายใต้การศึกษาของเจ้า อยากทดลองพระเจ้า และอยากต้านทานพระเจ้ามากขึ้น ดังนั้น บัดนี้ พวกเรามองเห็นว่าความรู้กำลังสอนสิ่งใดให้ผู้คน? ทั้งหมดก็คือปรัชญาของซาตานนั่นเอง ปรัชญาและกฎแห่งการอยู่รอดที่ซาตานเผยแพร่ไปท่ามกลางมนุษย์ที่เสื่อมทรามมีความสัมพันธ์อันใดกับความจริงบ้างหรือไม่? สิ่งเหล่านั้นไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับความจริงเลย และในข้อเท็จจริงแล้วเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความจริง ผู้คนมักกล่าวบ่อยครั้งว่า "ชีวิตคือการเคลื่อนที่" และ "มนุษย์คือเหล็ก ข้าวคือเหล็กกล้า มนุษย์รู้สึกหิวอย่างรุนแรงหากเขาข้ามอาหารไปสักมื้อ" คติพจน์เหล่านี้คือสิ่งใด? คติพจน์เหล่านี้เป็นเหตุผลวิบัติ และการได้ยินคติพจน์เหล่านี้ทำให้เกิดความรู้สึกขยะแขยง ในสิ่งที่เรียกว่าความรู้ของมนุษย์นั้น ซาตานได้ชุบย้อมปรัชญาสำหรับการดำรงชีวิตของมันและการคิดของมันเอาไว้ไม่น้อยเลยทีเดียว และขณะที่ซาตานทำการนี้ มันเปิดโอกาสให้มนุษย์นำการคิด ปรัชญา และทัศนคติของมันไปใช้เพื่อที่มนุษย์อาจปฏิเสธการดำรงอยู่ของพระเจ้า ปฏิเสธอำนาจครอบครองของพระเจ้าเหนือสรรพสิ่งและเหนือชะตากรรมของมนุษย์ ดังนั้นขณะที่การศึกษาของมนุษย์ก้าวหน้าไปและเขาได้รับความรู้มากขึ้น เขารู้สึกว่าการดำรงอยู่ของพระเจ้ากลายเป็นคลุมเครือ และอาจถึงขั้นไม่รู้สึกอีกต่อไปว่าพระเจ้าทรงดำรงอยู่ ขณะที่ซาตานได้เพิ่มทัศนคติ มโนคติที่หลงผิด และความคิดทั้งหลายเข้าไปในจิตใจของมนุษย์ มนุษย์ไม่ถูกทำให้เสื่อมทรามในช่วงระหว่างกระบวนการนี้หรอกหรือ? (ใช่) ตอนนี้มนุษย์วางชีวิตของเขาบนพื้นฐานของสิ่งใด? เขากำลังดำรงชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความรู้นี้จริงๆ ใช่หรือไม่? ไม่ มนุษย์กำลังวางชีวิตของเขาบนพื้นฐานของความคิด ทรรศนะ และปรัชญาของซาตานที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในความรู้เหล่านี้ นี่คือที่ซึ่งส่วนที่เป็นแก่นสารของการที่ซาตานทำให้มนุษย์เสื่อมทรามเกิดขึ้น นี่เป็นทั้งเป้าหมายของซาตานและวิธีการของมันในการทำให้มนุษย์เสื่อมทราม

พวกเราจะเริ่มด้วยการกล่าวถึงแง่มุมที่ผิวเผินที่สุดของความรู้ ไวยากรณ์และคำพูดในภาษาสามารถทำให้ผู้คนเสื่อมทรามได้หรือไม่? คำพูดสามารถทำให้ผู้คนเสื่อมทรามได้หรือไม่? (ไม่ได้) คำพูดไม่สามารถทำให้ผู้คนเสื่อมทรามได้ คำพูดเป็นเครื่องมือที่ผู้คนใช้เพื่อพูดและคำพูดยังเป็นเครื่องมือที่ผู้คนใช้สื่อสารกับพระเจ้าอีกด้วย ไม่ต้องกล่าวถึงว่าในปัจจุบัน ภาษาและคำพูดคือวิธีที่พระเจ้าทรงสื่อสารกับผู้คนด้วย คำพูดเป็นเครื่องมือ และคำพูดเป็นสิ่งจำเป็น หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง และสองคูณสองเท่ากับสี่ นี่ไม่ใช่ความรู้หรอกหรือ? แต่การนี้สามารถทำให้เจ้าเสื่อมทรามได้หรือไม่? นี่เป็นความรู้ทั่วไป—มันเป็นรูปแบบที่ตายตัว—และดังนั้นมันไม่สามารถทำให้ผู้คนเสื่อมทรามได้ ดังนั้น ความรู้ประเภทใดหรือที่ทำให้ผู้คนเสื่อมทราม? ความรู้ที่ทำให้เสื่อมทรามคือความรู้ที่ระคนไปด้วยทัศนคติและความคิดของซาตาน ซาตานพยายามที่จะพร่ำฝังทัศนคติและความคิดเหล่านี้เข้าไปในมนุษยชาติโดยผ่านทางสื่อกลางของความรู้ ยกตัวอย่างเช่น ในบทความหนึ่ง ไม่มีสิ่งใดผิดเกี่ยวกับคำที่เขียนขึ้นในตัวของมันเอง ปัญหาอยู่ที่ทัศนคติและเจตนาของผู้เขียนตอนที่พวกเขาได้เขียนบทความนั้น ตลอดจนเนื้อหาจากความคิดของพวกเขาด้วย เหล่านี้คือสิ่งทั้งหลายซึ่งมีจิตวิญญาณ สิ่งเหล่านี้สามารถทำให้ผู้คนเสื่อมทรามได้ ยกตัวอย่างเช่น หากเจ้ากำลังดูรายการแสดงทางโทรทัศน์ สิ่งทั้งหลายประเภทใดในรายการนั้นหรือ ที่สามารถเปลี่ยนทรรศนะของผู้คนได้? สิ่งที่ผู้แสดงพูด คำพูดในตัวมันเองจะทำให้ผู้คนเสื่อมทรามได้หรือไม่? (ไม่) สิ่งทั้งหลายจำพวกใดที่จะทำให้ผู้คนเสื่อมทราม? มันคงจะเป็นแก่นความคิดทั้งหลายและเนื้อหาของรายการแสดงนั้น ซึ่งคงจะเป็นตัวแทนของทรรศนะของผู้กำกับ ข้อมูลที่พกพามาในทรรศนะเหล่านี้สามารถแกว่งหัวใจและจิตใจของผู้คนได้ นั่นไม่เป็นดังนั้นหรอกหรือ? บัดนี้พวกเจ้ารู้แล้วว่าเรากำลังอ้างอิงถึงสิ่งใดในการเสวนาเกี่ยวกับการที่ซาตานใช้ความรู้เพื่อทำให้ผู้คนเสื่อมทราม เจ้าจะไม่เข้าใจผิดแล้วใช่หรือไม่? ดังนั้น ครั้งต่อไปที่เจ้าอ่านนวนิยายสักเรื่องหรือบทความสักบทความ เจ้าจะสามารถประเมินค่าได้ใช่หรือไม่ว่า ความคิดที่แสดงออกอยู่ในคำทั้งหลายที่เขียนไว้นั้น จะทำให้มวลมนุษย์เสื่อมทรามหรือจะเป็นมีส่วนร่วมสนับสนุนต่อมนุษยชาติ? (ใช่ ได้นิดหน่อย) นี่เป็นบางสิ่งบางอย่างที่ต้องศึกษาและได้รับประสบการณ์อย่างช้าๆ และไม่ใช่บางสิ่งบางอย่างที่เข้าใจได้อย่างง่ายดายในทันที ยกตัวอย่างเช่น เมื่อทำการวิจัยหรือศึกษาในสาขาวิชาหนึ่งของความรู้ แง่มุมในเชิงบวกบางอย่างของความรู้นั้นอาจช่วยเจ้าให้เข้าใจความรู้ทั่วไปบางอย่างเกี่ยวกับสาขานั้น ในขณะที่ยังทำให้เจ้าสามารถรู้ว่าผู้คนควรหลีกเลี่ยงสิ่งใดอีกด้วย จงดู "ไฟฟ้า" เป็นตัวอย่าง—นี่เป็นสาขาหนึ่งของความรู้มิใช่หรือ? เจ้าจะไม่เป็นคนไม่รู้เท่าทันหรอกหรือหากเจ้าไม่รู้ว่าไฟฟ้าสามารถช็อตและทำร้ายผู้คนได้? แต่ทันทีที่เจ้าเข้าใจสาขาของความรู้นี้ เจ้าก็จะไม่ประมาทในการสัมผัสกับวัตถุที่มีกระแสไฟฟ้า และเจ้าก็จะรู้วิธีการที่จะใช้ไฟฟ้า เหล่านี้เป็นสิ่งเชิงบวกทั้งคู่ ตอนนี้เจ้าเข้าใจชัดเจนแล้วใช่หรือไม่กับสิ่งที่พวกเราได้สนทนากันมาในแง่ที่เกี่ยวกับวิธีที่ความรู้ทำให้ผู้คนเสื่อมทราม? มีความรู้อีกหลายชนิดที่ศึกษากันในโลกนี้ และพวกเจ้าต้องใช้เวลาเพื่อแยกความแตกต่างของความรู้เหล่านั้นด้วยตัวพวกเจ้าเอง

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 5

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

Leave a Reply

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger