พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 124

วันที่ 25 เดือน 06 ปี 2021

หัวเลี้ยวหัวต่อที่สาม: ความมีอิสระ

หลังจากที่บุคคลหนึ่งได้ผ่านพ้นวัยเด็กและวัยรุ่น และค่อยๆ ไปถึงภาวะความเป็นผู้ใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก้าวต่อไปก็คือ พวกเขาจะต้องละทิ้งวัยเยาว์ของพวกเขาโดยสมบูรณ์ กล่าวคำอำลากับบิดามารดาของพวกเขา และเผชิญหน้าถนนที่ทอดไปข้างหน้าอย่างผู้ใหญ่ที่มีอิสระคนหนึ่ง ณ จุดนี้ พวกเขาจะต้องเผชิญกับผู้คน เหตุการณ์ และสิ่งต่างๆ ทั้งหมดที่ผู้ใหญ่คนหนึ่งต้องเผชิญหน้า เผชิญกับทุกส่วนของชะตากรรมของพวกเขาที่จะเผยตัวในไม่ช้า นี่คือหัวเลี้ยวหัวต่อที่สามที่บุคคลต้องผ่านล่วงไป

1. หลังจากกลายมามีอิสระ บุคคลก็เริ่มมีประสบการณ์กับอธิปไตยของพระผู้สร้าง

หากการเกิดและการเจริญเติบโตของบุคคลคือ "ช่วงเวลาเตรียมพร้อม" สำหรับการเดินทางในชีวิตของคนเรา โดยเป็นการวางเสาหลักให้กับชะตากรรมของบุคคลแล้วไซร้ ความมีอิสระของคนเราก็คือการเปิดตัวบทรำพึงรำพันกับชะตากรรมในชีวิตของคนเรา หากการเกิดและการเจริญเติบโตของบุคคลคือความมั่งคั่งที่พวกเขาได้สั่งสมมาเพื่อตระเตรียมสำหรับชะตากรรมในชีวิตของพวกเขา เช่นนั้นแล้วความมีอิสระของบุคคลก็คือตอนที่พวกเขาเริ่มต้นใช้จ่ายหรือเพิ่มพูนความมั่งคั่งนั้น เมื่อคนเราจากบิดามารดาของคนเรามา และกลายมามีอิสระ ทั้งเงื่อนไขต่างๆ ทางสังคมที่คนเราเผชิญ และประเภทของงานและอาชีพที่มีให้คนเราทำ ต่างก็ถูกประกาศิตโดยชะตากรรมและไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับบิดามารดาของคนเราเลย ผู้คนบางคนเลือกวิชาเอกที่ดีในมหาวิทยาลัยและจบลงด้วยการได้งานที่พึงพอใจหลังจากสำเร็จการศึกษา สร้างก้าวย่างแรกแห่งชัยชนะในการเดินทางแห่งชีวิตของพวกเขา ผู้คนบางคนเรียนรู้และชำนาญในทักษะแตกต่างมากมาย แต่กระนั้นก็ยังไม่เคยเจอสักงานที่เหมาะสมกับพวกเขา หรือไม่เคยได้ตำแหน่งที่พวกเขาต้องการ นับประสาอะไรกับอาชีพการงาน กล่าวคือ ณ จุดเริ่มต้นของการเดินทางแห่งชีวิต พวกเขาพบว่าตัวเองติดขัดไปทุกการขยับตัว ถูกรุมเร้าด้วยอุปสรรคปัญหา ความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จอับเฉา และชีวิตของพวกเขานั้นไม่แน่นอน ผู้คนบางคนพยายามอย่างขยันขันแข็งในการศึกษาของพวกเขา ทว่ากลับพลาดโอกาสไปอย่างฉิวเฉียดที่จะได้เรียนต่อขั้นอุดมศึกษา พวกเขาดูเหมือนถูกกำหนดชะตากรรมให้ไม่มีวันสัมฤทธิ์ความสำเร็จ ความมุ่งมาดปรารถนาแรกสุดของพวกเขาในการเดินทางแห่งชีวิตของพวกเขาได้สลายไปในอากาศ ด้วยความที่ไม่รู้ว่าถนนที่ทอดไปข้างหน้านั้นราบเรียบหรือขรุขระ พวกเขาจึงรู้สึกเป็นครั้งแรกว่าโชคชะตาของมนุษย์นั้นเต็มไปด้วยความปรวนแปรขนาดไหน และดังนั้นจึงมองชีวิตด้วยความมุ่งหวังและความหวาดหวั่น ผู้คนบางคนทั้งที่ไม่ได้มีการศึกษาดีนัก กลับเขียนหนังสือและสัมฤทธิ์ชื่อเสียงในระดับหนึ่ง บางคนแม้ว่าแทบจะไม่รู้หนังสือเอาเสียเลย ก็หาเงินได้จากการทำธุรกิจและด้วยเหตุนั้นจึงสามารถค้ำจุนตัวเองได้…อาชีพที่คนเราเลือก วิธีที่คนเราหาเลี้ยงชีพ ผู้คนควบคุมได้หรือไม่ว่าพวกเขาจะเลือกตัวเลือกที่ดีหรือตัวเลือกที่ไม่ดีในบรรดาสิ่งเหล่านี้? สิ่งเหล่านี้เป็นไปโดยสอดคล้องกับความอยากได้อยากมีและการตัดสินใจของผู้คนหรือไม่? ผู้คนส่วนใหญ่มีความปรารถนาดังต่อไปนี้คือ ทำงานน้อย ได้เงินมาก ไม่ต้องกรำงานตากแดดตากฝน แต่งกายดี เรืองรองรุ่งโรจน์ไปทุกแห่งหน ตระหง่านง้ำเหนือคนอื่น และนำเกียรติมาสู่บรรพบุรุษของพวกเขา ผู้คนหวังที่จะมีความเพียบพร้อม แต่เมื่อพวกเขาเหยียบย่างก้าวแรกในการเดินทางของชีวิตพวกเขา พวกเขาจึงค่อยๆ มาตระหนักว่า โชคชะตาของมนุษย์นั้นไม่สมประกอบเพียงใด และเป็นครั้งแรกที่พวกเขาจับความเข้าใจได้อย่างแท้จริงในข้อเท็จจริงที่ว่า แม้คนเราสามารถวางแผนการอันอาจหาญสำหรับอนาคตของคนเรา และแม้คนเราอาจเก็บงำความเพ้อฝันอันบ้าบิ่นต่างๆ เอาไว้ แต่ไม่มีใครมีความสามารถหรือพลังอำนาจที่จะทำให้ความฝันของพวกเขาเองเป็นจริงขึ้นมา และไม่มีใครอยู่ในฐานะที่จะควบคุมอนาคตของตนเองได้ จะมีระยะห่างอยู่เสมอระหว่างความฝันของคนเรากับความเป็นจริงต่างๆ ที่คนเราต้องเผชิญ สิ่งต่างๆ ไม่เคยเป็นดั่งที่คนเราต้องการให้พวกมันเป็น และเมื่อเผชิญกับความเป็นจริงต่างๆ ดังกล่าว ผู้คนก็ไม่มีวันที่จะสามารถสัมฤทธิ์ความพึงพอใจหรือความสุขสมใจได้เลย ผู้คนบางคนจะพยายามทุกทางที่จินตนาการได้ จะใช้ความอุตสาหะใหญ่หลวงและการพลีอุทิศที่ยิ่งใหญ่เพื่อประโยชน์ของชีวิตความเป็นอยู่และอนาคตของพวกเขา โดยขวนขวายที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเอง แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ต่อให้พวกเขาสามารถทำให้ความฝันและความอยากได้อยากมีของพวกเขาเป็นจริงขึ้นมาด้วยวิถีทางแห่งการทำงานหนักของพวกเขาเอง พวกเขาก็ไม่มีวันสามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของพวกเขาได้ และไม่ว่าพวกเขาจะพยายามอย่างหัวเด็ดตีนขาดเพียงใด พวกเขาก็ไม่มีวันไปได้เกินกว่าสิ่งที่โชคชะตาได้จัดสรรไว้ให้พวกเขา ไม่ว่าความสามารถ เชาวน์ปัญญา และพลังใจมีความแตกต่างกันอย่างไร ผู้คนทั้งหมดล้วนเสมอภาคกันเมื่ออยู่ต่อหน้าชะตากรรมซึ่งไม่แยกความต่างระหว่างคนยิ่งใหญ่กับคนตัวเล็ก คนสูงส่งกับคนต่ำต้อย คนที่ได้รับการยกย่องกับคนต่ำศักดิ์ อาชีพที่คนเราเสาะหา สิ่งที่คนเราทำเพื่อเลี้ยงชีพ และความอุดมสมบูรณ์ในโภคทรัพย์ที่คนเราสั่งสมได้ในชีวิตไม่ได้ถูกชี้ขาดโดยบิดามารดาของคนเรา พรสวรรค์ของคนเรา ความพยายามของคนเรา หรือความทะเยอทะยานของคนเรา แต่ถูกลิขิตไว้ล่วงหน้าแล้วโดยพระผู้สร้าง

2. การไปจากบิดามารดาและการเริ่มต้นอย่างจริงจังตั้งใจที่จะรับบทบาทของคนเราในโรงมหรสพแห่งชีวิต

เมื่อคนเราไปถึงภาวะความเป็นผู้ใหญ่ คนเราสามารถที่จะไปจากบิดามารดาของคนเราและดั้นด้นไปตามลำพัง และ ณ จุดนี้เองที่คนเราเริ่มรับบทบาทของคนเราเองอย่างแท้จริง ที่ทุกอย่างแจ่มชัดกว่าเดิม และภารกิจในชีวิตของคนเราค่อยๆ กลายมาเป็นชัดเจน โดยนามแล้ว คนเรายังคงผูกพันใกล้ชิดกับบิดามารดาของคนเรา แต่ด้วยภารกิจของคนเราและบทบาทที่คนเราแสดงในชีวิตนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับมารดาและบิดาของคนเราเลย โดยแก่นแท้แล้ว ความผูกพันใกล้ชิดนี้สลายลงเมื่อบุคคลค่อยๆ กลายมามีอิสระ จากมุมมองทางชีววิทยา ผู้คนอดไม่ได้ที่จะยังคงพึ่งพิงบิดามารดาของพวกเขาทางจิตใต้สำนึก แต่หากกล่าวไปตามข้อเท็จจริงแล้ว ทันทีที่พวกเขาเติบโตเต็มที่ พวกเขาก็มีชีวิตที่แยกจากบิดามารดาของพวกเขาโดยสมบูรณ์ และจะแสดงบทบาทที่พวกเขารับมาอย่างเป็นอิสระ นอกเหนือจากการเกิดและการเลี้ยงดูเด็กแล้ว ความรับผิดชอบที่บิดามารดามีต่อชีวิตลูกๆ ของพวกเขาก็มีแค่จัดเตรียมสิ่งแวดล้อมที่เป็นทางการให้ลูกๆ ได้เจริญเติบโต เพราะไม่มีสิ่งใดนอกจากการลิขิตล่วงหน้าของพระผู้สร้างที่มีอิทธิพลต่อชะตากรรมของบุคคล ไม่มีใครสามารถควบคุมได้ว่าบุคคลหนึ่งจะพึงมีอนาคตชนิดใด มันได้ถูกลิขิตไว้ล่วงหน้านานมาแล้ว และแม้แต่บิดามารดาของคนเราก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของคนเราได้ ในเรื่องของชะตากรรมนั้น ทุกคนเป็นอิสระ และทุกคนมีชะตากรรมของตนเอง ดังนั้นจึงไม่มีบิดามารดาของใครที่สามารถหยุดยั้งชะตากรรมในชีวิตของคนเรา หรือแสดงอิทธิพลแม้เพียงน้อยนิดต่อบทบาทที่คนเราแสดงในชีวิต อาจกล่าวได้ว่า ครอบครัวที่คนเราถูกลิขิตชะตาให้มาเกิดและสิ่งแวดล้อมที่คนเราเติบโตขึ้นมานั้นไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าเงื่อนไขล่วงหน้าที่ต้องมีเพื่อการทำให้ภารกิจในชีวิตของคนเรานั้นลุล่วง ไม่ว่าโดยวิธีใด เงื่อนไขเหล่านี้ไม่ได้กำหนดชะตากรรมในชีวิตของบุคคล หรือประเภทของชะตาลิขิตที่บุคคลพึงปฏิบัติภารกิจของพวกเขาให้ลุล่วง และดังนั้น ไม่มีบิดามารดาของใครสามารถช่วยเหลือคนเราให้ทำภารกิจในชีวิตจนสำเร็จลุล่วงได้ และในทำนองเดียวกัน ไม่มีญาติพี่น้องของใครที่สามารถช่วยคนเรารับบทบาทในชีวิตของคนเราได้ วิธีที่คนเราทำภารกิจของตนจนสำเร็จลุล่วงและประเภทของสิ่งแวดล้อมในการดำรงชีวิตที่คนเราแสดงบทบาทของคนเราอยู่ภายในนั้น ล้วนถูกกำหนดโดยชะตากรรมในชีวิตของคนเราทั้งหมดทั้งสิ้น พูดอีกอย่างว่า ไม่มีสภาพเงื่อนไขบนพื้นฐานของความเป็นจริงอื่นใดสามารถแสดงอิทธิพลต่อภารกิจของบุคคล ซึ่งถูกลิขิตไว้ล่วงหน้าโดยพระผู้สร้าง ผู้คนทั้งมวลกลายมาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวในสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่พวกเขาเติบโตขึ้นมา จากนั้นพวกเขาจึงค่อยๆ เริ่มออกเดินทางไปบนถนนแห่งชีวิตของพวกเขาเองทีละก้าวๆ และทำให้ชะตาลิขิตต่างๆ ที่พระผู้สร้างได้ทรงวางแผนการไว้ให้พวกเขาลุล่วงได้ ตามธรรมชาติแล้วพวกเขาย่อมเข้าสู่ทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งมนุษยชาติอย่างไม่ตั้งใจ และรับตำแหน่งหน้าที่ในชีวิตของตัวเอง ที่ซึ่งพวกเขาเริ่มทำให้ความรับผิดชอบต่างๆ ของพวกเขาในฐานะสิ่งมีชีวิตทรงสร้างนั้นลุล่วงเพื่อประโยชน์แห่งการลิขิตไว้ล่วงหน้าของพระผู้สร้าง เพื่อประโยชน์แห่งอธิปไตยของพระองค์

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 3

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger