พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 68
วันที่ 22 เดือน 02 ปี 2024
ความเข้าใจเกี่ยวกับความจริงของพวกเจ้าผสานรวมอยู่กับสภาวะต่างๆ ของเจ้าเองหรือไม่? ในชีวิตจริง อันดับแรกเจ้าต้องคิดว่าความจริงใดที่เกี่ยวข้องกับผู้คน เหตุการณ์ และสิ่งต่างๆ ที่เจ้าได้พบ เจ้าจะสามารถพบน้ำพระทัยของพระเจ้าท่ามกลางความจริงเหล่านี้ และสามารถเชื่อมโยงสิ่งที่เจ้าได้พบเข้ากับน้ำพระทัยของพระองค์ได้ หากเจ้าไม่รู้ว่าแง่มุมใดของความจริงที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ ที่เจ้าได้พบ แต่ไปแสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้าโดยตรงแทน การทำเช่นนี้คือวิธีเข้าหาที่หูหนวกตาบอดซึ่งไม่สามารถสัมฤทธิ์ผลลัพธ์ใดๆ หากเจ้าต้องการแสวงหาความจริงและเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า อันดับแรกเจ้าต้องดูว่าสิ่งต่างๆ ที่ได้เกิดขึ้นกับเจ้าเป็นประเภทใด สิ่งเหล่านั้นมีความเกี่ยวข้องกับความจริงในแง่มุมใด และมองหาความจริงที่เฉพาะเจาะจงในพระวจนะของพระเจ้าที่สัมพันธ์กับสิ่งที่เจ้าได้รับประสบการณ์ จากนั้น เจ้าจึงมองหาเส้นทางการปฏิบัติที่เหมาะสมสำหรับเจ้าในความจริงนั้น ด้วยวิธีนี้ เจ้าจะสามารถได้รับความเข้าใจโดยอ้อมเกี่ยวกับน้ำพระทัยของพระเจ้า การค้นหาและการปฏิบัติตามความจริงไม่ใช่การประยุกต์ใช้คำสอนและการทำตามสูตรราวกับเป็นเครื่องจักร ความจริงไม่มีสูตรตายตัว อีกทั้งไม่ได้เป็นกฎ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย—ความจริงคือชีวิตด้วยตัวของมันเอง ความจริงคือสิ่งที่มีชีวิต และความจริงคือกฎที่สิ่งมีชีวิตทรงสร้างต้องปฏิบัติตามในชีวิต และกฎที่มนุษย์ต้องมีในชีวิต นี่คือบางสิ่งบางอย่างที่เจ้าต้องเข้าใจโดยผ่านทางประสบการณ์ให้ได้มากเท่าที่เป็นไปได้ เจ้าไม่อาจแยกจากพระวจนะของพระเจ้าหรือความจริงได้ไม่ว่าเจ้าได้มาถึงช่วงระยะใดในประสบการณ์ของเจ้าก็ตาม และสิ่งที่เจ้าเข้าใจเกี่ยวกับพระอุปนิสัยของพระเจ้าและสิ่งที่เจ้ารู้เกี่ยวกับสิ่งที่พระเจ้าทรงมีและทรงเป็นทั้งหมดต่างได้รับการแสดงออกในพระวจนะของพระเจ้า สิ่งเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับความจริงอย่างแยกจากกันไม่ได้ พระอุปนิสัยของพระเจ้าและสิ่งที่พระองค์ทรงมีและทรงเป็นคือความจริงโดยตัวมันเอง ความจริงคือการสำแดงที่เป็นของแท้ถึงพระอุปนิสัยของพระเจ้าและสิ่งที่พระองค์ทรงมีและทรงเป็น ความจริงทำให้สิ่งที่พระองค์ทรงมีและทรงเป็นนั้นเป็นรูปธรรม และความจริงกล่าวอย่างชัดเจนถึงสิ่งที่พระองค์ทรงมีและทรงเป็น ความจริงบอกเจ้าอย่างตรงไปตรงมามากยิ่งขึ้นว่าพระเจ้าทรงโปรดสิ่งใด พระองค์ไม่ทรงโปรดสิ่งใด พระองค์ทรงต้องประสงค์ให้เจ้าทำสิ่งใด และพระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้เจ้าทำสิ่งใด พระองค์ทรงรังเกียจชิงชังผู้คนใด และพระองค์ทรงปีติยินดีในผู้คนใด เบื้องหลังความจริงที่พระเจ้าทรงแสดงออกนั้น ผู้คนสามารถมองเห็นความหรรษายินดี ความกริ้ว ความโทมนัส และความสุขของพระองค์ เช่นเดียวกับเนื้อแท้ของพระองค์—นี่คือการเปิดเผยพระอุปนิสัยของพระองค์ นอกจากการรู้สิ่งที่พระเจ้าทรงมีและทรงเป็นและการเข้าใจพระอุปนิสัยของพระองค์จากพระวจนะของพระองค์แล้ว สิ่งที่มีความสำคัญที่สุดคือความจำเป็นที่จะต้องบรรลุความเข้าใจนี้โดยผ่านทางประสบการณ์ที่สัมพันธ์กับชีวิตจริง หากบุคคลหนึ่งนำตัวเองออกจากชีวิตจริงเพื่อให้รู้จักพระเจ้า พวกเขาจะไม่สามารถสัมฤทธิ์ผลในสิ่งนั้นได้ ถึงแม้ว่ามีผู้คนที่สามารถได้รับความเข้าใจบางอย่างจากพระวจนะของพระเจ้า แต่ความเข้าใจของพวกเขาก็จำกัดอยู่กับทฤษฎีและพระวจนะ และมีความต่างเกิดขึ้นกับเรื่องที่ว่าพระเจ้าพระองค์เองจริงๆ แล้วทรงเหมือนสิ่งใด
สิ่งที่เรากำลังสื่อสารถึงในตอนนี้ทั้งหมดอยู่ภายในขอบเขตของเรื่องราวทั้งหลายที่ได้รับการบันทึกในพระคัมภีร์ ผู้คนสามารถเข้าใจพระอุปนิสัยของพระองค์และสิ่งที่พระองค์ทรงมีและทรงเป็นที่พระองค์ได้ทรงแสดงออกโดยผ่านทางเรื่องราวเหล่านี้และโดยผ่านทางการวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถรู้ทุกแง่มุมของพระเจ้าได้อย่างกว้างขวางขึ้น ลึกซึ้งขึ้น ครอบคลุมขึ้น และถ้วนทั่วขึ้น แล้วการรู้จักทุกแง่มุมของพระเจ้ามีวิธีเดียวคือโดยผ่านทางเรื่องราวเหล่านี้หรือ? ไม่ใช่ เรื่องราวเหล่านี้ไม่ใช่แค่วิธีเดียว! เนื่องจากสิ่งที่พระเจ้าตรัสและพระราชกิจที่พระองค์ทรงกระทำในยุคแห่งราชอาณาจักรสามารถช่วยผู้คนให้รู้จักพระอุปนิสัยของพระองค์ได้ดียิ่งขึ้น และรู้จักพระอุปนิสัยของพระองค์ได้อย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าจะเป็นการง่ายกว่าที่จะรู้จักพระอุปนิสัยของพระเจ้าและเข้าใจสิ่งที่พระองค์ทรงมีและทรงเป็นโดยผ่านทางตัวอย่างหรือเรื่องราวบางอย่างที่ได้รับการบันทึกในพระคัมภีร์ที่ผู้คนคุ้นเคย หากเรานำพระวจนะแห่งการพิพากษาและการตีสอนและความจริงที่พระเจ้าทรงแสดงออกในวันนี้มาทำให้เจ้ารู้จักพระองค์ด้วยวิธีนี้คำต่อคำ เจ้าจะรู้สึกว่ามันน่าเบื่อและไม่น่าสนใจจนเกินไป และบางคนยังอาจรู้สึกกระทั่งว่าพระวจนะของพระเจ้าดูเหมือนเป็นสูตรตายตัว แต่หากเรานำเรื่องราวในพระคัมภีร์มาเป็นตัวอย่างเพื่อช่วยให้ผู้คนรู้จักพระอุปนิสัยของพระเจ้า พวกเขาจะไม่พบว่ามันน่าเบื่อ เจ้าสามารถกล่าวได้ว่าในระหว่างการอธิบายตัวอย่างเหล่านี้ รายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในพระทัยของพระเจ้า ณ ขณะนั้น—พระอารมณ์หรือความรู้สึกของพระองค์ หรือพระดำริและแนวความคิดของพระองค์—ได้มีการบอกต่อผู้คนในภาษาของมนุษย์ และเป้าหมายของทั้งหมดนี้คือการทำให้พวกเขาสามารถซึ้งคุณค่า สามารถรู้สึกว่าสิ่งที่พระเจ้าทรงมีและทรงเป็นไม่ได้เป็นสูตรตายตัว มันไม่ได้เป็นตำนานหรือบางสิ่งบางอย่างที่ผู้คนไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้ มันคือบางสิ่งบางอย่างที่ดำรงอยู่อย่างแท้จริง ที่ผู้คนสามารถรู้สึกและซึ้งคุณค่าได้ นี่คือเป้าหมายสูงสุด เจ้าสามารถกล่าวได้ว่าผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในยุคนี้นั้นได้รับพร พวกเขาสามารถใช้เรื่องราวต่างๆ เพื่อให้ได้รับความเข้าใจที่กว้างขึ้นเกี่ยวกับพระราชกิจก่อนหน้าของพระเจ้า พวกเขาสามารถมองเห็นพระอุปนิสัยของพระองค์ผ่านพระราชกิจที่พระองค์ได้ทรงกระทำไปแล้ว พวกเขาสามารถเข้าใจน้ำพระทัยที่พระเจ้าทรงมีให้กับมวลมนุษย์ผ่านพระอุปนิสัยเหล่านี้ที่พระองค์ได้ทรงแสดงออก และเข้าใจการสำแดงอย่างเป็นรูปธรรมถึงความบริสุทธิ์ของพระองค์ และการดูแลเอาใจใส่พวกมนุษย์ของพระองค์ และด้วยวิธีนี้ พวกเขาสามารถบรรลุไปถึงซึ่งความรู้ที่ละเอียดขึ้นและลึกซึ้งขึ้นเกี่ยวกับพระอุปนิสัยของพระเจ้า เราเชื่อว่าตอนนี้พวกเจ้าทุกคนสามารถรู้สึกถึงสิ่งนี้ได้!
—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระราชกิจของพระเจ้า พระอุปนิสัยของพระเจ้า และพระเจ้าพระองค์เอง 3
ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ
วิดีโอประเภทอื่นๆ