พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 61

วันที่ 22 เดือน 02 ปี 2024

กฎระเบียบแห่งยุคธรรมบัญญัติ

พระบัญญัติสิบประการ

หลักการสำหรับการสร้างแท่นบูชา

กฎระเบียบสำหรับการปฏิบัติของคนปรนนิบัติ

กฎระเบียบสำหรับขโมยและการชดเชย

การรักษาปีสะบาโตและงานเลี้ยงทั้งสาม

กฎระเบียบสำหรับวันสะบาโต

กฎระเบียบสำหรับเครื่องบูชา

เครื่องบูชาเผาทั้งตัว

เครื่องธัญบูชา

เครื่องศานติบูชา

เครื่องบูชาลบล้างบาป

เครื่องบูชาชดใช้บาป

กฎระเบียบสำหรับการถวายเครื่องบูชาโดยเหล่าปุโรหิต (อาโรนและบุตรชายทั้งหลายของเขาถูกสั่งให้ปฏิบัติตาม)

เครื่องบูชาเผาทั้งตัวโดยเหล่าปุโรหิต

เครื่องธัญบูชาโดยเหล่าปุโรหิต

เครื่องบูชาลบล้างบาปโดยเหล่าปุโรหิต

เครื่องบูชาชดใช้บาปโดยเหล่าปุโรหิต

เครื่องศานติบูชาโดยเหล่าปุโรหิต

กฎระเบียบสำหรับการรับประทานเครื่องบูชาโดยเหล่าปุโรหิต

สัตว์สะอาดและไม่สะอาด (สัตว์ที่กินได้และกินไม่ได้)

กฎระเบียบสำหรับการชำระสตรีหลังคลอดบุตรให้บริสุทธิ์

มาตรฐานสำหรับการตรวจโรคเรื้อน

กฎระเบียบสำหรับบรรดาผู้ที่ได้รับการรักษาหายจากโรคเรื้อน

กฎระเบียบสำหรับการชำระบ้านที่ติดเชื้อให้สะอาด

กฎระเบียบสำหรับบรรดาผู้ที่ทนทุกข์จากการปลดปล่อยที่ผิดปกติ

วันแห่งการลบมลทินที่ต้องปฏิบัติปีละครั้ง

กฎสำหรับการเชือดฝูงปศุสัตว์และแกะ

ข้อห้ามในการปฏิบัติตามข้อปฏิบัติที่น่ารังเกียจของคนต่างชาติ (ไม่กระทำการล่วงประเวณีกับญาติพี่น้อง และอื่นๆ)

กฎระเบียบที่ผู้คนต้องปฏิบัติตาม {"เจ้าทั้งหลายต้องบริสุทธิ์ เพราะเรายาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์" (เลวีนิติ 19:2)}

การกระทำของบรรดาผู้ที่พลีอุทิศลูกหลานของตนให้พระโมเลค

กฎระเบียบสำหรับการลงโทษความผิดประเวณี

กฎที่เหล่าปุโรหิตควรถือปฏิบัติ (กฎสำหรับความประพฤติประจำวันของพวกเขา กฎสำหรับการบริโภคสิ่งที่บริสุทธิ์ กฎสำหรับการทำเครื่องบูชา และอื่นๆ)

งานเลี้ยงที่ควรถือปฏิบัติ (วันสะบาโต พิธีปัสกา เทศกาลเพ็นเทคอสต์ วันลบมลทิน และอื่นๆ)

กฎระเบียบอื่นๆ (การเผาตะเกียง ปีเสียงเขาสัตว์ การไถ่แผ่นดิน การกล่าวปฏิญาณ การถวายทศางค์ และอื่นๆ)

กฎระเบียบแห่งยุคธรรมบัญญัติเป็นข้อพิสูจน์จริงแห่งการชี้นำมวลมนุษย์ทั้งปวงของพระเจ้า

ดังนั้น พวกเจ้าได้อ่านกฎระเบียบและหลักการทั้งหลายแห่งยุคธรรมบัญญัติแล้วใช่หรือไม่? กฎระเบียบเหล่านี้ครอบคลุมแนวเขตที่กว้างขวางใช่หรือไม่? ประการแรก พวกมันครอบคลุมถึงพระบัญญัติสิบประการ ซึ่งหลังจากนั้นเป็นกฎระเบียบสำหรับวิธีการสร้างแท่นบูชา และอื่นๆ เหล่านี้ตามมาด้วยกฎระเบียบสำหรับการรักษาสะบาโตและการถือปฏิบัติงานเลี้ยงทั้งสาม ซึ่งหลังจากนั้นเป็นกฎระเบียบสำหรับเครื่องบูชา พวกเจ้าเห็นหรือไม่ว่ามีเครื่องบูชากี่ชนิด? มีเครื่องบูชาเผาทั้งตัว เครื่องธัญบูชา เครื่องศานติบูชา เครื่องบูชาลบล้างบาป และอื่นๆ ทั้งหมดเหล่านี้ตามมาด้วยกฎระเบียบสำหรับเครื่องบูชาของเหล่าปุโรหิต ซึ่งประกอบด้วย เครื่องบูชาเผาทั้งตัวและเครื่องธัญบูชาโดยเหล่าปุโรหิต และเครื่องบูชาประเภทอื่นๆ กฎระเบียบชุดที่แปดนี้คือกฎระเบียบสำหรับการรับประทานเครื่องบูชาโดยเหล่าปุโรหิต จากนั้นก็มีกฎระเบียบสำหรับสิ่งที่ควรถือปฏิบัติในระหว่างชีวิตของผู้คน มีข้อกำหนดต่างๆ สำหรับหลายแง่มุมของชีวิตผู้คน เช่น กฎระเบียบสำหรับสิ่งที่พวกเขาอาจรับประทานได้หรือไม่ได้ สำหรับการชำระสตรีหลังคลอดบุตรให้บริสุทธิ์ และสำหรับพวกที่ได้รับการรักษาหายจากโรคเรื้อน ในกฎระเบียบเหล่านี้ พระเจ้าตรัสไกลไปถึงโรค และมีแม้กระทั่งกฎสำหรับการเชือดแกะและฝูงปศุสัตว์ และอื่นๆ แกะและฝูงปศุสัตว์ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้า และเจ้าควรเชือดพวกมันด้วยวิธีใดก็ตามที่พระเจ้าตรัสบอกให้เจ้าทำ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีเหตุผลสำหรับพระวจนะของพระเจ้า มันถูกต้องโดยไม่มีข้อสงสัยเลยที่จะต้องกระทำตามที่พระเจ้าได้ทรงประกาศกฤษฎีกาไว้ และแน่นอนว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้คน! ยังมีงานเลี้ยงและกฎต่างๆ ที่ให้ถือปฏิบัติด้วย เช่น วันสะบาโต พิธีปัสกา และอื่นๆ—พระเจ้าทรงตรัสถึงสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด พวกเรามาดูที่ข้อท้ายๆ กันเถิด นั่นคือ กฎระเบียบอื่นๆ—การเผาตะเกียง ปีเสียงเขาสัตว์ การไถ่แผ่นดิน การกล่าวปฏิญาณ การถวายทศางค์ และอื่นๆ เหล่านี้ครอบคลุมแนวเขตที่กว้างขวางหรือไม่? สิ่งแรกที่จะกล่าวถึงคือเรื่องเกี่ยวกับเครื่องบูชาของผู้คน ต่อมาก็มีกฎระเบียบเกี่ยวกับการขโมยและการชดเชย และการถือปฏิบัติในวันสะบาโต…มันเกี่ยวข้องกับรายละเอียดของชีวิต กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เมื่อพระเจ้าได้ทรงเริ่มพระราชกิจที่เป็นทางการในแผนการบริหารจัดการของพระองค์ พระองค์ได้ทรงกำหนดกฎระเบียบมากมายที่มนุษย์จะต้องปฏิบัติตาม กฎระเบียบเหล่านี้เป็นไปเพื่อเปิดโอกาสให้มนุษย์ได้ใช้ชีวิตปกติของมนุษย์บนแผ่นดินโลก ชีวิตปกติของมนุษย์ที่ไม่อาจแยกได้จากพระเจ้าและการทรงนำของพระองค์ ก่อนอื่นพระเจ้าได้ตรัสบอกมนุษย์ว่าให้ทำแท่นบูชาอย่างไร ให้ตั้งแท่นบูชาอย่างไร หลังจากนั้นพระองค์ได้ตรัสบอกมนุษย์ว่าให้ทำเครื่องบูชาอย่างไร และได้ทรงกำหนดว่ามนุษย์จะต้องดำรงชีวิตอย่างไร—สิ่งใดที่เขาจะต้องให้ความสนใจในชีวิต สิ่งใดที่เขาต้องปฏิบัติตาม และสิ่งใดที่เขาควรและไม่ควรทำ สิ่งที่พระเจ้าได้ทรงกำหนดสำหรับมนุษย์นั้นครอบคลุมทั้งหมด และด้วยประเพณี กฎระเบียบ และหลักการเหล่านี้นี่เองที่พระองค์ได้ทรงกำหนดมาตรฐานพฤติกรรมของมนุษย์ ทรงนำทางชีวิตมนุษย์ ทรงนำทางการเริ่มต้นของพวกเขาสู่ธรรมบัญญัติของพระเจ้า ทรงนำทางพวกเขาสู่การมาอยู่หน้าแท่นบูชาของพระเจ้า ทรงนำทางพวกเขาในการมีชีวิตท่ามกลางสรรพสิ่งทั้งปวงที่พระเจ้าได้ทรงทำขึ้นสำหรับมนุษย์ที่อยู่ภายใต้ระเบียบ ความสม่ำเสมอ และความพอประมาณ ก่อนอื่นพระเจ้าได้ทรงใช้กฎระเบียบและหลักการที่เรียบง่ายเหล่านี้เพื่อกำหนดขีดจำกัดสำหรับมนุษย์ เพื่อที่มนุษย์บนแผ่นดินโลกจะได้มีชีวิตปกติแห่งการนมัสการพระเจ้า จะได้มีชีวิตปกติของมนุษย์ เช่นนั้นเองคือเนื้อหาเฉพาะของการเริ่มต้นแผนการบริหารจัดการหกพันปีของพระองค์ กฎระเบียบและกฎทั้งหลายเหล่านี้ปกคลุมเนื้อหาที่กว้างอย่างยิ่ง พวกมันเป็นข้อเฉพาะเจาะจงแห่งการทรงนำมวลมนุษย์ของพระเจ้าในช่วงระหว่างยุคธรรมบัญญัติ ผู้คนที่มาก่อนหน้ายุคธรรมบัญญัติต้องยอมรับและเชื่อฟังกฎระเบียบและกฎเหล่านี้ กฎระเบียบและกฎเหล่านี้เป็นบันทึกเกี่ยวกับพระราชกิจที่พระเจ้าได้ทรงกระทำในช่วงระหว่างยุคธรรมบัญญัติ และเป็นข้อพิสูจน์จริงแห่งการเป็นผู้ทรงนำและการทรงนำมวลมนุษย์ทั้งปวงของพระเจ้า

มวลมนุษย์ไม่อาจแยกจากคำสอนและการจัดเตรียมของพระเจ้าได้ตลอดไป

ในกฎระเบียบเหล่านี้พวกเรามองเห็นว่าท่าทีของพระเจ้าที่ทรงมีต่อพระราชกิจของพระองค์ ต่อการบริหารจัดการของพระองค์ และต่อมวลมนุษย์นั้นจริงจัง มีมโนธรรม เข้มงวด และมีความรับผิดชอบ พระองค์ทรงทำพระราชกิจที่พระองค์ต้องทรงทำท่ามกลางมวลมนุษย์โดยสอดคล้องกับขั้นตอนของพระองค์ โดยไม่มีความคลาดเคลื่อนแม้แต่น้อย ตรัสพระวจนะที่พระองค์ต้องตรัสต่อมวลมนุษย์โดยไม่มีความผิดพลาดหรือการละเว้นแม้แต่น้อย ทรงเปิดโอกาสให้มนุษย์มองเห็นว่าเขาไม่สามารถแยกจากการเป็นผู้ทรงนำของพระเจ้าได้ และทรงแสดงให้เขาเห็นว่าทั้งหมดที่พระเจ้าทรงทำและตรัสนั้นสำคัญต่อมวลมนุษย์เพียงใด ไม่ว่ามนุษย์จะเป็นอย่างไรในยุคถัดไป ในตอนเริ่มต้น—ในช่วงระหว่างยุคธรรมบัญญัตินั้น—พระเจ้าได้ทรงทำสิ่งที่เรียบง่ายเหล่านี้ สำหรับพระเจ้าแล้วนั้น มโนทัศน์ของมนุษย์เกี่ยวกับพระเจ้า โลก และมวลมนุษย์ในยุคนั้นเป็นนามธรรมและอับแสง และถึงแม้ว่ามโนทัศน์เหล่านั้นจะมีแนวคิดและเจตนาที่มีจิตสำนึกอยู่บ้าง แต่ทั้งหมดนั้นก็ไม่ชัดเจนและไม่ถูกต้อง และด้วยเหตุนี้มวลมนุษย์จึงไม่สามารถแยกจากคำสอนและการจัดเตรียมของพระเจ้าที่ทรงมีต่อพวกเขาได้ มวลมนุษย์รุ่นแรกสุดนั้นไม่รู้สิ่งใดเลย และดังนั้นพระเจ้าจึงต้องทรงเริ่มสอนมนุษย์ตั้งแต่หลักการเพื่อการอยู่รอดและข้อบังคับที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตขั้นพื้นฐานและผิวเผินมากที่สุด โดยซึมซับสิ่งเหล่านี้ลงในหัวใจของมนุษย์ทีละนิด และโดยการมอบความเข้าใจทีละน้อยเกี่ยวกับพระเจ้า และความซึ้งคุณค่าทีละน้อยและความเข้าใจเกี่ยวกับการเป็นผู้ทรงนำของพระเจ้า และมโนทัศน์ขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับสัมพันธภาพระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าให้แก่มนุษย์ โดยผ่านทางกฎระเบียบเหล่านี้ และโดยผ่านทางกฎเหล่านี้ ซึ่งเป็นพระวจนะ หลังจากที่สัมฤทธิ์ผลนี้แล้ว เมื่อนั้นเท่านั้นพระเจ้าจึงทรงสามารถที่จะทำพระราชกิจที่พระองค์จะทรงทำภายหลังได้ทีละเล็กทีละน้อย และด้วยเหตุนี้ กฎระเบียบเหล่านี้และพระราชกิจที่พระเจ้าได้ทรงทำในช่วงระหว่างยุคธรรมบัญญัติจึงเป็นรากฐานของพระราชกิจแห่งการช่วยมวลมนุษย์ให้รอดของพระองค์ และเป็นช่วงระยะแรกของพระราชกิจในแผนการบริหารจัดการของพระเจ้า ถึงแม้ว่าก่อนหน้าพระราชกิจของยุคธรรมบัญญัติ พระเจ้าได้ตรัสกับอาดัม เอวา และลูกหลานของพวกเขาไปแล้ว แต่พระบัญชาและคำสอนเหล่านั้นก็ไม่ได้เป็นระบบหรือเฉพาะเจาะจงพอที่จะกำหนดออกมาแก่มนุษย์ทีละข้อ และพระบัญชาและคำสอนเหล่านั้นก็ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ อีกทั้งสิ่งเหล่านั้นไม่ได้กลายเป็นกฎระเบียบ นั่นเป็นเพราะว่าแผนการของพระเจ้าในเวลานั้นไม่ได้ไปไกลขนาดนั้น มีเพียงเมื่อพระเจ้าได้ทรงนำทางมนุษย์มาสู่ขั้นตอนนี้แล้วเท่านั้นพระเจ้าจึงทรงสามารถเริ่มตรัสกฎระเบียบแห่งยุคธรรมบัญญัติเหล่านี้ และเริ่มทำให้มนุษย์ดำเนินการตามกฎระเบียบเหล่านั้นได้ มันเป็นกระบวนการที่จำเป็น และบทอวสานเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ประเพณีและกฎระเบียบง่ายๆ เหล่านี้แสดงให้มนุษย์เห็นขั้นตอนต่างๆ ในพระราชกิจการบริหารจัดการของพระเจ้า และพระปรีชาญาณของพระเจ้าได้เปิดเผยอยู่ในแผนการบริหารจัดการของพระองค์ พระเจ้าทรงรู้ว่าจะทรงใช้เนื้อหาและวิธีการใดเพื่อเริ่มต้น จะทรงใช้วิธีการใดเพื่อสานต่อ และจะทรงใช้วิธีการใดเพื่อสิ้นสุด เพื่อให้พระองค์ทรงสามารถได้รับผู้คนกลุ่มหนึ่งที่เป็นคำพยานต่อพระองค์ และเพื่อให้พระองค์ทรงสามารถได้รับผู้คนกลุ่มหนึ่งที่มีจิตใจเดียวกันกับพระองค์ พระองค์ทรงรู้ว่าสิ่งใดอยู่ภายในตัวมนุษย์ และทรงรู้ว่าสิ่งใดที่ขาดแคลนในตัวมนุษย์ พระองค์ทรงรู้ว่าพระองค์ต้องทรงจัดเตรียมสิ่งใด และพระองค์ควรจะทรงนำทางมนุษย์อย่างไร และดังนั้น พระองค์ทรงรู้เช่นกันว่ามนุษย์ควรและไม่ควรจะทำสิ่งใด มนุษย์เป็นเหมือนหุ่นเชิด กล่าวคือ ถึงแม้ว่าเขาไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับน้ำพระทัยของพระเจ้า ก็ช่วยไม่ได้ที่เขาจะได้รับการนำโดยพระราชกิจแห่งการบริหารจัดการของพระเจ้า ทีละก้าวจนกระทั่งถึงวันนี้ ไม่มีความพร่ามัวในพระทัยของพระเจ้าเกี่ยวกับสิ่งที่พระองค์จะทรงทำ ในพระทัยของพระองค์นั้นมีแผนที่ชัดเจนและสดใสอย่างมาก และพระองค์ได้ทรงดำเนินพระราชกิจที่พระองค์เองทรงปรารถนาที่จะทำตามขั้นตอนต่างๆ ของพระองค์และแผนการของพระองค์ โดยก้าวหน้าจากความผิวเผินไปสู่ความลึกซึ้ง ถึงแม้ว่าพระองค์ไม่ได้ทรงบ่งชี้ถึงพระราชกิจที่พระองค์จะทรงกระทำในภายหลัง พระราชกิจที่ตามมาของพระองค์ก็ยังคงได้รับการดำเนินการต่อเนื่องไปและก้าวหน้าไปด้วยความสอดคล้องอย่างเข้มงวดกับแผนของพระองค์ ซึ่งเป็นการสำแดงถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงมีและทรงเป็น และยังเป็นสิทธิอำนาจของพระเจ้าอีกด้วย ไม่ว่าพระองค์กำลังทรงพระราชกิจในแผนการบริหารจัดการของพระองค์ช่วงระยะใดก็ตาม พระอุปนิสัยและเนื้อแท้ของพระองค์ก็เป็นตัวแทนของพระองค์เอง การนี้เป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน ไม่ว่ายุคใด หรือจะเป็นพระราชกิจช่วงระยะใด มีสิ่งต่างๆ ที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง นั่นคือ ประเภทของผู้คนที่พระเจ้าทรงรัก ประเภทของผู้คนที่พระเจ้าทรงเกลียดชัง พระอุปนิสัยของพระองค์ และทั้งหมดที่พระเจ้าทรงมีและทรงเป็น ถึงแม้ว่ากฎระเบียบและหลักการที่พระเจ้าทรงสถาปนาขึ้นในช่วงระหว่างพระราชกิจแห่งยุคธรรมบัญญัติเหล่านี้ดูเหมือนจะเรียบง่ายและผิวเผินอย่างมากสำหรับมนุษย์ในวันนี้ และถึงแม้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะง่ายที่จะเข้าใจและสัมฤทธิ์ผล ในสิ่งเหล่านั้นก็ยังคงมีพระปรีชาญาณของพระเจ้า และยังคงมีพระอุปนิสัยของพระเจ้าและสิ่งที่พระองค์ทรงมีและทรงเป็น เนื่องจากภายในกฎระเบียบที่เห็นได้ชัดว่าเรียบง่ายเหล่านี้ได้แสดงถึงหน้าที่รับผิดชอบและการเอาใจใส่ต่อมวลมนุษย์ของพระเจ้า ตลอดจนเนื้อแท้ที่ประณีตแห่งพระดำริของพระองค์ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการเปิดโอกาสให้มนุษย์ได้ตระหนักอย่างแท้จริงถึงข้อเท็จจริงที่ว่าพระเจ้าทรงปกครองเหนือทุกสรรพสิ่ง และทุกสรรพสิ่งถูกควบคุมด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ ไม่สำคัญว่ามนุษย์เข้าใจถ่องแท้ในความรู้มากเพียงใด หรือเขาเข้าใจทฤษฏีและความล้ำลึกมากมายเพียงใด สำหรับพระเจ้าแล้วนั้นไม่มีสิ่งใดที่สามารถแทนที่การจัดเตรียมให้มวลมนุษย์และการเป็นผู้ทรงนำมวลมนุษย์ของพระองค์ได้ มวลมนุษย์จะไม่สามารถแยกจากการทรงนำของพระเจ้าและพระราชกิจส่วนพระองค์ของพระเจ้าได้ตลอดไป เช่นนั้นคือสัมพันธภาพที่ไม่อาจแยกกันได้ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า ไม่ว่าพระเจ้าจะทรงมอบพระบัญญัติหนึ่ง หรือกฎระเบียบหนึ่งให้เจ้า หรือทรงจัดเตรียมความจริงเพื่อให้เจ้าเข้าใจน้ำพระทัยของพระองค์หรือไม่ก็ตาม ไม่สำคัญว่าพระองค์ทรงทำสิ่งใด จุดมุ่งหมายของพระเจ้าก็คือเพื่อทรงนำมนุษย์ไปสู่วันพรุ่งนี้ที่สวยงาม พระวจนะที่พระเจ้าทรงดำรัสและพระราชกิจที่พระองค์ทรงทำนั้นเป็นทั้งการเปิดเผยถึงแง่มุมหนึ่งแห่งเนื้อแท้ของพระองค์ และการเปิดเผยถึงแง่มุมหนึ่งแห่งพระอุปนิสัยของพระองค์และพระปรีชาญาณของพระองค์ การเปิดเผยเหล่านั้นเป็นขั้นตอนที่ขาดเสียไม่ได้ในแผนการบริหารจัดการของพระองค์ การนี้ต้องไม่ถูกมองข้ามไป! น้ำพระทัยของพระเจ้าอยู่ในสิ่งใดก็ตามที่พระองค์ทรงทำ พระเจ้าไม่ทรงเกรงคำพูดที่ผิดที่ อีกทั้งพระองค์ไม่ทรงกลัวมโนคติที่หลงผิดหรือความคิดใดๆ ของมนุษย์ที่เกี่ยวกับพระองค์ พระองค์แค่ทรงพระราชกิจของพระองค์และทรงสานต่อการบริหารจัดการของพระองค์ตามแผนการบริหารจัดการของพระองค์ โดยไม่ถูกจำกัดโดยบุคคล เรื่องราว หรือสิ่งของใดๆ

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระราชกิจของพระเจ้า พระอุปนิสัยของพระเจ้า และพระเจ้าพระองค์เอง 2

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger