พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การเปิดโปงความเสื่อมทรามของมวลมนุษย์ | บทตัดตอน 366

วันที่ 17 เดือน 11 ปี 2023

วันแล้ววันเล่าที่เราเฝ้ายืนสังเกตการณ์อยู่เหนือจักรวาล และเราซ่อนเร้นตัวเราอย่างถ่อมใจอยู่ในที่อาศัยของเรา พลางผ่านประสบการณ์กับชีวิตมนุษย์และศึกษาทุกความประพฤติของมนุษยชาติอย่างใกล้ชิด ไม่มีผู้ใดเคยมอบถวายตัวพวกเขาแก่เราอย่างแท้จริง ไม่มีผู้ใดเคยไล่ตามเสาะหาความจริง ไม่มีผู้ใดเคยมีมโนธรรมกับเรา หรือเคยตั้งปณิธานต่อหน้าเรา แล้วจากนั้นก็รักษาหน้าที่ของตนเอง ไม่มีผู้ใดเคยยอมให้เราอาศัยอยู่ภายในพวกเขา ทั้งยังไม่เคยเห็นคุณค่าของเราดังที่ผู้คนพึงเห็นคุณค่าชีวิตของพวกเขาเอง ไม่มีผู้ใดเคยมองเห็นทั้งหมดที่เป็นเทวสภาพของเราในความเป็นจริงซึ่งสัมพันธ์กับชีวิตจริง ไม่มีผู้ใดเคยเต็มใจที่จะติดต่อสัมพันธ์กับพระเจ้าพระองค์เองผู้ทรงสัมพันธ์กับชีวิตจริง เมื่อห้วงน้ำกลืนกินมนุษย์ทั้งปวง เราช่วยพวกเขาให้รอดจากห้วงน้ำนิ่งเหล่านั้น และให้โอกาสพวกเขาได้มีชีวิตใหม่ ยามผู้คนสูญเสียความมั่นใจในการมีชีวิตของพวกเขา เราฉุดพวกเขาขึ้นมาจากขอบเหวแห่งความตาย โดยมอบความกล้าหาญให้พวกเขาได้เดินต่อไป เพื่อที่พวกเขาจะสามารถใช้เราเป็นรากฐานสำหรับการดำรงอยู่ของพวกเขา ครั้นผู้คนไม่เชื่อฟังเรา เราก็ทำให้พวกเขารู้จักเราจากภายในความไม่เชื่อฟังของพวกเขา เมื่อมองจากธรรมชาติเดิมของมนุษยชาติ และเมื่อมองจากความกรุณาของเรา แทนที่เราจะประหัตประหารมนุษย์ให้ถึงแก่ความตาย เรากลับเปิดโอกาสให้พวกเขากลับใจและตั้งต้นใหม่อย่างสดชื่น ในยามที่พวกเขาทนทุกข์กับการกันดารอาหาร แม้ว่าพวกเขามีเพียงลมหายใจห้วงสุดท้ายเหลืออยู่ในร่างกาย เราก็ยื้อยุดพวกเขาไว้จากความตาย อันเป็นการปกป้องพวกเขาจากการตกเป็นเหยื่อเล่ห์เหลี่ยมของซาตาน หลายครั้งเหลือเกินที่ผู้คนมองเห็นมือของเรา หลายครั้งเหลือเกินที่พวกเขาเป็นประจักษ์พยานถึงโฉมหน้าที่ใจดีมีเมตตาและใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเรา และหลายคราเหลือเกินที่พวกเขามองเห็นบารมีและความโกรธของเรา แม้ว่ามนุษย์ไม่เคยรู้จักเรา แต่เราก็มิได้ฉวยเอาประโยชน์จากความอ่อนแอของพวกเขามาเป็นโอกาสในการจงใจยั่วยุ การผ่านประสบการณ์กับความยากลำบากของมนุษยชาติได้ทำให้เราสามารถเห็นอกเห็นใจความอ่อนแอของมนุษย์ มีเพียงเพื่อตอบสนองต่อความไม่เชื่อฟังและความเนรคุณของผู้คนเท่านั้นที่เรามอบการตีสอนในหลากหลายระดับ

เราปกปิดตัวเองเมื่อผู้คนมีธุระยุ่ง และเปิดเผยตัวเราในยามว่างของพวกเขา ผู้คนจินตนาการว่าเรารู้ทุกสรรพสิ่ง พวกเขาคำนึงถึงเราในฐานะพระเจ้าพระองค์เองผู้ทรงโอนอ่อนตามคำวิงวอนทั้งปวง เพราะฉะนั้น ส่วนใหญ่จึงมาอยู่ต่อหน้าเราเพียงเพื่อที่จะแสวงหาการช่วยเหลือจากพระเจ้าเท่านั้น มิใช่เพราะความพึงปรารถนาอันใดที่จะรู้จักเรา เมื่อถูกโรคภัยไข้เจ็บรุมเร้า ผู้คนรีบมาออดอ้อนขอความช่วยเหลือจากเรา ในยามทุกข์ยาก พวกเขาบอกเล่าความลำบากยากเย็นของพวกเขาแก่เราอย่างสุดกำลัง เพื่อที่จะระบายความทุกข์ของพวกเขาได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีมนุษย์สักคนเดียวที่สามารถรักเราในขณะที่อยู่ในสภาวะชูใจไปด้วย ไม่มีสักคนเดียวที่หยิบยื่นน้ำใจมาให้ในช่วงเวลาแห่งความสงบและความสุข เพื่อที่เราอาจมีส่วนร่วมในความชื่นบานยินดีของพวกเขา เมื่อครอบครัวเล็กๆ ของพวกเขาอยู่ดีและมีสุข ผู้คนก็ทิ้งเราหรือปิดประตูใส่เรานับแต่ตอนนั้นแล้ว อันเป็นการห้ามเราไม่ให้เข้าไป เพื่อให้พวกเขาสามารถสุขสำราญกับความสุขที่ได้รับการอวยพรของครอบครัวพวกเขา จิตใจมนุษย์นั้นคับแคบเกินไป มันถึงขั้นคับแคบเกินกว่าจะยอมรับพระเจ้าสักองค์ซึ่งเปี่ยมรัก เปี่ยมกรุณาและเข้าหาได้เช่นเรา หลายครั้งเหลือเกินที่เราถูกมนุษย์บอกปัดในช่วงเวลาแห่งเสียงหัวเราะอันชื่นบานของพวกเขา หลายครั้งเหลือเกินที่มนุษย์พึ่งพิงเราประดุจไม้ค้ำยันในยามที่พวกเขาสะดุดล้ม หลายคราเหลือเกินที่เราถูกผู้คนซึ่งกำลังทนทุกข์กับโรคภัยไข้เจ็บบีบให้รับบทบาทหมอ มนุษย์ช่างใจร้าย! พวกเขาช่างไร้เหตุผลและปราศจากศีลธรรมอย่างสิ้นเชิง แม้แต่ความรู้สึกทั้งหลายที่มนุษย์ควรต้องมีอยู่กับตัว ก็ยังไม่อาจรับรู้ได้ในตัวพวกเขา พวกเขาแทบจะปราศจากร่องรอยของความเป็นมนุษย์โดยสิ้นเชิงแล้ว จงใคร่ครวญถึงอดีตและเปรียบเทียบมันกับปัจจุบันว่า มีความเปลี่ยนแปลงอันใดกำลังเกิดขึ้นในตัวพวกเจ้าบ้างหรือไม่? พวกเจ้าได้ล้มเลิกบางสิ่งจากอดีตของพวกเจ้าไปบ้างแล้วหรือไม่? หรือว่าอดีตนั้นยังมิได้ถูกแทนที่เลย?

เราได้เดินทางข้ามเทือกเขาและลุ่มน้ำ ผ่านประสบการณ์กับการขึ้นและลงของโลกมนุษย์ เราท่องไปท่ามกลางพวกเขา และเราได้ใช้ชีวิตเป็นเวลาหลายปีท่ามกลางพวกเขา กระนั้นกลับดูเหมือนว่าอุปนิสัยของมนุษยชาติเปลี่ยนไปนิดเดียว และราวกับว่าธรรมชาติเดิมของผู้คนได้หยั่งรากและแตกหน่อในตัวพวกเขาแล้ว พวกเขาไม่เคยสามารถเปลี่ยนแปลงธรรมชาติเดิมนั้นได้ พวกเขาเพียงปรับปรุงมันให้ดีขึ้นบ้างบนรากฐานดั้งเดิม ดังที่ผู้คนพูดกันว่า เนื้อแท้ไม่ได้เปลี่ยนไป แต่รูปแบบกลับเปลี่ยนแปลงไปมาก ผู้คนทั้งปวงดูเหมือนกำลังพยายามหลอกเราและทำให้เราสายตาพร่ามัว เพื่อที่พวกเขาอาจลักไก่หนีปัญหาและหลอกให้เราซึ้งคุณค่า เราทั้งไม่เลื่อมใสและไม่ให้ความสนใจต่อเล่ห์เหลี่ยมของมนุษย์ แทนที่จะบันดาลโทสะ เรากลับนำท่าทีของการมองแต่ไม่เห็นมาใช้ เราวางแผนที่จะยอมให้มนุษยชาติออกนอกลู่นอกทางได้ในระดับหนึ่ง และหลังจากนั้นค่อยจัดการกับมนุษยชาติทั้งปวงพร้อมกัน ในเมื่อมนุษย์ล้วนเป็นพวกชั่วช้าที่ไร้ค่าและไม่รักตัวเอง และไม่ทะนุถนอมตัวเองเอาเสียเลย แล้วเหตุใดพวกเขาจึงถึงขั้นจำเป็นต้องให้เราแสดงความกรุณาและความรักให้เห็นอีกครั้ง? โดยไม่มีกรณียกเว้น มนุษย์ทั้งไม่รู้จักตัวเองและไม่รู้ว่าพวกเขามีคุณค่ามากเพียงใด พวกเขาจึงควรวางตัวเองบนตาชั่งเพื่อชั่งน้ำหนักเสีย มนุษย์ไม่ใส่ใจเรา ดังนั้นเราจึงไม่จริงจังกับพวกเขาเช่นกัน พวกเขาไม่ให้ความสนใจเรา ดังนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องทำงานกับพวกเขาให้หนักขึ้นแต่อย่างใดเช่นกัน นี่ไม่ใช่สิ่งดีที่สุดสำหรับทั้งสองพิภพหรอกหรือ? นี่ไม่ได้พรรณนาถึงพวกเจ้า ประชากรของเราหรอกหรือ? ผู้ใดในหมู่พวกเจ้าที่ได้ตั้งปณิธานต่อหน้าเราแล้วไม่ทิ้งขว้างปณิธานเหล่านั้นในภายหลังบ้าง? ผู้ใดตั้งปณิธานระยะยาวต่อหน้าเราแทนที่จะตั้งจิตของพวกเขาไว้ที่สิ่งต่างๆ เป็นนิจบ้าง? มนุษย์ตั้งปณิธานทั้งหลายต่อหน้าเราในยามสบายใจ และแล้วก็ลบปณิธานเหล่านั้นทิ้งไปในยามทุกข์ยากเสมอ แล้วจากนั้นพวกเขาก็เก็บความตั้งใจแน่วแน่ของพวกเขาขึ้นมาตั้งไว้ตรงหน้าเราใหม่ เราไม่น่าเคารพนับถือถึงขนาดที่จะยอมรับของทิ้งแล้วที่มนุษยชาติเก็บขึ้นมาจากกองขยะนี้เอาไว้อย่างสบายๆ อย่างนั้นหรือ? มีมนุษย์ไม่กี่คนที่ยึดมั่นในปณิธานของพวกเขา มีไม่กี่คนที่บริสุทธิ์ และมีไม่กี่คนที่พลีอุทิศสิ่งล้ำค่าที่สุดของพวกเขาให้แก่เรา พวกเจ้าไม่ได้เป็นเหมือนกันหมดหรอกหรือ? หากเจ้าไม่สามารถรักษาหน้าที่ของเจ้าเองในฐานะสมาชิกของประชากรของเราในราชอาณาจักรแล้วไซร้ เจ้าย่อมจะถูกเรารังเกียจและปฏิเสธ!

—พระวจนะฯ เล่ม 1 พระราชกิจของพระเจ้าและการรู้จักพระเจ้า, พระวจนะของพระเจ้าถึงทั้งจักรวาล บทที่ 14

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger