พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การเปิดโปงความเสื่อมทรามของมวลมนุษย์ | บทตัดตอน 353

วันที่ 17 เดือน 09 ปี 2023

แต่ละวัน ความประพฤติและความคิดทั้งหลายของแต่ละบุคคลถูกมองดูโดยพระเนตรขององค์หนึ่งเดียว และในเวลาเดียวกันก็อยู่ในการตระเตรียมเพื่อพวกเขาเองในวันพรุ่งนี้ นี่คือเส้นทางที่ทุกคนที่มีชีวิตอยู่จะต้องก้าวเดิน นี่คือเส้นทางที่เราได้ลิขิตไว้ล่วงหน้าเพื่อทุกคน และไม่มีใครสามารถหลบหนีมันหรือได้รับการยกเว้น วจนะที่เราพูดไปนั้นมากมายเกินคณานับ และยิ่งไปกว่านั้น งานที่เราได้ทำก็ไม่มีมาตรวัด ทุกๆ วันเราเฝ้าดูขณะที่แต่ละบุคคลดำเนินทุกสิ่งที่พวกเขาจะต้องทำไปตามธรรมชาติจนเสร็จสิ้นโดยสอดคล้องกับธรรมชาติซึ่งมีมาแต่กำเนิดของพวกเขาและสิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติของพวกเขา โดยที่ไม่รู้ตัว หลายคนได้ตัดสินใจแน่วแน่ไปเรียบร้อยแล้วใน "ร่องครรลองที่ถูกต้อง" ซึ่งเราได้ปูไว้เพื่อให้เข้าใจผู้คนต่างประเภทกันได้ง่ายขึ้น เราได้วางผู้คนต่างประเภทกันเหล่านี้ไว้ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันนานแล้ว และในแต่ละสถานที่เฉพาะของพวกเขา แต่ละคนได้แสดงให้เห็นถึงคุณลักษณะซึ่งมีมาแต่กำเนิดของพวกเขา ไม่มีใครที่จะผูกมัดพวกเขา ไม่มีใครที่จะล่อลวงพวกเขา พวกเขาเป็นอิสระโดยครบถ้วนบริบูรณ์และสิ่งที่พวกเขาแสดงออกนั้นมาตามธรรมชาติ สิ่งเดียวที่ควบคุมพวกเขาไว้คือ วจนะของเรา ด้วยเหตุนี้บางคนจึงจำต้องฝืนอ่านวจนะของเราอย่างเสียไม่ได้ ไม่เคยนำวจนะของเราไปฝึกฝนปฏิบัติ ทำเช่นนั้นเพียงเพื่อหลีกเลี่ยงความตายเท่านั้น ในขณะเดียวกัน คนอื่นๆ ก็พบว่าเป็นการลำบากยากเย็นที่จะสู้ทนผ่านวันเวลาไปโดยที่ไม่มีวจนะของเราคอยนำและจัดหาให้พวกเขา และดังนั้นพวกเขาจึงยึดถือในวจนะของเราตลอดเวลาเป็นธรรมดา เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาค้นพบความลับของชีวิตมนุษย์ บั้นปลายของมวลมนุษย์ และค่าของการเป็นมนุษย์ มวลมนุษย์ก็เป็นแค่อย่างนี้เองต่อหน้าวจนะของเรา และเราก็แค่ยอมให้เรื่องราวทั้งหลายดำเนินไปตามครรลองของพวกมัน เราไม่ทำงานอันใดที่บังคับให้ผู้คนทำวจนะของเราให้เป็นรากฐานของการดำรงอยู่ของพวกเขา ดังนั้นพวกที่ไม่เคยมีมโนธรรมและพวกที่การดำรงอยู่ของเขาไม่เคยมีคุณค่าอันใดจึงกล้าปัดทิ้งวจนะของเราและทำตามที่พวกเขาปรารถนาหลังจากที่เฝ้าสังเกตการณ์อย่างนิ่งเงียบว่าสิ่งทั้งหลายดำเนินไปอย่างไร พวกเขาเริ่มที่จะเบื่อหน่ายต่อความจริงและทุกสิ่งทุกอย่างที่มาจากเรา ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังเบื่อหน่ายต่อการอยู่ในบ้านของเรา เพื่อบั้นปลายของพวกเขา และเพื่อหลบหนีการลงโทษ ผู้คนเหล่านี้จึงอาศัยอยู่ภายในบ้านของเราชั่วเวลาหนึ่ง ต่อให้พวกเขาจะกำลังให้การปรนนิบัติอยู่ก็ตาม อย่างไรก็ดี เจตนาทั้งหลายและการกระทำทั้งหลายของพวกเขาไม่เคยเปลี่ยน นี่ยิ่งเพิ่มความอยากได้ในพระพรของพวกเขา และเพิ่มความอยากของพวกเขาที่จะเข้าสู่ราชอาณาจักรครั้งเดียวและคงอยู่ตลอดกาลหลังจากนั้นเป็นต้นไป—ถึงขั้นอยากที่จะเข้าสู่สวรรค์อันเป็นนิรันดร์เสียด้วยซ้ำ ยิ่งพวกเขาโหยหาวันของเราให้มาถึงเร็วขึ้นเพียงใด พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าความจริงได้กลายเป็นอุปสรรคกีดกั้น เครื่องสะดุดในหนทางของพวกเขามากขึ้นเท่านั้น พวกเขาแทบจะรอไม่ไหวที่จะก้าวเท้าเข้าไปในราชอาณาจักรเพื่อชื่นชมพระพรของราชอาณาจักรแห่งสวรรค์ตลอดกาล—ทั้งหมดนี้ไม่มีความจำเป็นต้องไล่ตามเสาะหาความจริงหรือยอมรับการพิพากษาและการตีสอน และเหนือสิ่งอื่นใด ไม่มีความจำเป็นต้องหมอบคลานภายในบ้านของเราและทำตามที่เราบัญชา ผู้คนเหล่านี้เข้าสู่บ้านของเราไม่ใช่เพื่อสนองความอยากของพวกเขาที่จะแสวงหาความจริง และไม่ใช่เพื่อร่วมมือกับการบริหารจัดการของเรา จุดมุ่งหมายของพวกเขาก็คือแค่ได้อยู่ท่ามกลางบรรดาผู้ที่ไม่ได้ถูกทำลายในยุคที่กำลังจะมาถึง ดังนั้นหัวใจของพวกเขาจึงไม่เคยรู้ว่าความจริงคืออะไร หรือจะยอมรับความจริงได้อย่างไร นี่คือเหตุผลที่ทำไมผู้คนเช่นนี้ไม่เคยนำความจริงไปฝึกฝนปฏิบัติหรือตระหนักถึงความลึกของความเสื่อมทรามของพวกเขาเลย และกระนั้นกลับได้อาศัยอยู่ในบ้านของเราในฐานะ "ผู้รับใช้ทั้งหลาย" มาโดยตลอด พวกเขารอคอยการมาถึงของวันของเรา "อย่างอดทน" และไม่เหน็ดเหนื่อยขณะที่พวกเขาถูกจับโยนไปมาโดยลักษณะงานของเรา แต่ไม่ว่าความพยายามของพวกเขาจะมากมายใหญ่หลวงเพียงใดหรือพวกเขายอมจ่ายที่ราคาเท่าใด ไม่มีใครเคยเห็นพวกเขาทนทุกข์เพื่อความจริงหรือให้อะไรเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของเราเลย ในหัวใจของพวกเขา พวกเขากำลังร้อนรนใจใคร่เห็นวันที่เรายุติยุคเก่า และยิ่งไปกว่านั้น ไม่อาจรอที่จะค้นพบว่าฤทธานุภาพและสิทธิอำนาจของเรานั้นยิ่งใหญ่เพียงใด สิ่งที่พวกเขาไม่เคยเร่งรีบที่จะทำคือการเปลี่ยนตัวเองและไล่ตามเสาะหาความจริง พวกเขารักในสิ่งที่เราเบื่อหน่าย และเบื่อหน่ายในสิ่งที่เรารัก พวกเขาถวิลหาสิ่งที่เราเกลียด เกรงกลัวเพียงการสูญเสียสิ่งที่เราชิงชัง พวกเขาดำรงชีวิตอยู่ในพิภพอันเลวร้ายนี้ ไม่เคยเกลียดมัน และซ้ำยังกลัวอยู่ลึกๆ ว่าเราจะทำลายมัน ท่ามกลางเจตนาทั้งหลายของพวกเขาที่มีความขัดแย้งกัน พวกเขารักพิภพนี้ที่เราชิงชัง แต่ยังโหยหาเราให้ทำลายมันอย่างรีบเร่งที่สุดเช่นกัน เพื่อว่าพวกเขาอาจได้รับการละเว้นจากความทุกข์จากการทำลายล้างและถูกแปลงสภาพให้กลายเป็นบรรดาเจ้านายของยุคใหม่ ก่อนที่พวกเขาจะมีอันไถลห่างไปจากหนทางที่แท้จริง นี่เป็นเพราะพวกเขาไม่รักความจริงและเบื่อหน่ายต่อทุกสิ่งที่มาจากเรา พวกเขาอาจกลายเป็น "ผู้คนที่เชื่อฟัง" เป็นเวลาสั้นๆ เพื่อประโยชน์แห่งการไม่สูญเสียพระพรไป แต่ความวิตกกังวลของพวกเขาที่จะได้รับการอวยพร และความเกรงกลัวความพินาศและการเข้าสู่บึงไฟที่กำลังลุกไหม้นั้นไม่มีวันถูกปิดบังไว้ได้ ขณะที่วันของเราใกล้เข้ามา ความอยากของพวกเขาก็แรงกล้าขึ้นอย่างไม่สั่นคลอน และยิ่งความวิบัติใหญ่หลวงมากขึ้นเท่าใด มันจะยิ่งทำให้พวกเขาอับจนหนทางมากขึ้นเท่านั้น โดยไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนที่จะทำให้เราชื่นบานและเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียพระพรที่พวกเขาโหยหามานาน ผู้คนเช่นนี้ใจจดใจจ่อที่จะลงมือกระทำการรับใช้ในฐานะกองหน้าทันทีที่มือของเราเริ่มงานของมัน พวกเขาคิดเพียงการโถมประดังกันไปยังแนวหน้าของกองทหาร กลัวอยู่ลึกๆ ว่าเราจะไม่เห็นพวกเขา พวกเขาทำและพูดสิ่งซึ่งพวกเขาคิดว่าถูกต้อง ไม่เคยรู้ว่าความประพฤติและการกระทำทั้งหลายของพวกเขาไม่เคยสัมพันธ์กับความจริงเลย และไม่เคยรู้ว่าความประพฤติของพวกเขามีแต่จะขัดจังหวะและแทรกแซงแผนการของเรา พวกเขาอาจได้ใช้ความพยายามอย่างใหญ่หลวงแล้ว และอาจมีความมีเจตจำนงและเจตนาอันแท้จริงที่จะสู้ทนความยากลำบาก แต่ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาทำเกี่ยวข้องกับเราเลย เพราะเราไม่เคยเห็นว่าความประพฤติของพวกเขามาจากเจตนาที่ดี นับประสาอะไรกับที่เราจะได้เห็นพวกเขาวางสิ่งใดก็ตามบนแท่นบูชาของเรา เช่นนั้นคือความประพฤติซึ่งพวกเขาได้ทำลงไปต่อหน้าเราในช่วงหลายปีมานี้

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พวกเจ้าควรจะพิจารณาความประพฤติทั้งหลายของพวกเจ้า

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger