พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การเข้าสู่ชีวิต | บทตัดตอน 540

วันที่ 22 เดือน 01 ปี 2024

การไล่ตามเสาะหาการเข้าสู่ชีวิตของผู้คนนั้นอยู่บนพื้นฐานของพระวจนะของพระเจ้า ตามที่เคยมีมาก่อนนั้น มีการกล่าวว่าทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จลุล่วงได้เพราะพระวจนะของพระองค์ แต่ไม่มีใครได้มองเห็นข้อเท็จจริงนี้เลย หากเจ้าเข้าสู่การได้รับประสบการณ์กับขั้นตอนปัจจุบัน ทั้งหมดก็จะชัดเจนต่อเจ้า และเจ้าก็จะกำลังสร้างรากฐานที่ดีสำหรับบททดสอบทั้งหลายในอนาคต ไม่ว่าพระเจ้าตรัสสิ่งใดก็ตาม จงมุ่งเน้นเพียงการเข้าสู่พระวจนะของพระองค์เท่านั้น เมื่อพระเจ้าตรัสว่าพระองค์จะทรงเริ่มต้นตีสอนผู้คน ก็จงยอมรับการตีสอนของพระองค์เสีย เมื่อพระเจ้าทรงขอให้ผู้คนตายไป ก็จงยอมรับบททดสอบนั้น หากเจ้ากำลังดำรงชีวิตอยู่ภายในถ้อยดำรัสที่ใหม่ที่สุดเสมอ พระวจนะของพระเจ้าย่อมจะทำให้เจ้ามีความเพียบพร้อมในท้ายที่สุด ยิ่งเจ้าเข้าสู่พระวจนะของพระเจ้ามากขึ้นเท่าไร เจ้าก็ยิ่งจะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมเร็วขึ้นเท่านั้น ในการสามัคคีธรรมครั้งแล้วครั้งเล่า เหตุใดเราจึงขอให้พวกเจ้าทำความรู้จักและเข้าสู่พระวจนะของพระเจ้า? เฉพาะเมื่อเจ้าไล่ตามเสาะหาและได้รับประสบการณ์ในพระวจนะของพระเจ้า และเข้าสู่ความเป็นจริงแห่งพระวจนะของพระองค์แล้วเท่านั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์จึงจะมีโอกาสเหมาะที่จะทรงพระราชกิจในตัวเจ้า เพราะฉะนั้น พวกเจ้าทั้งหมดล้วนมีส่วนร่วมในทุกวิธีการที่พระเจ้าทรงใช้ในการทรงพระราชกิจ และไม่ว่าความทุกข์ของเจ้าจะเป็นระดับใดก็ตาม ในท้ายที่สุดแล้ว พวกเจ้าทุกคนจะได้รับ "ของที่ระลึก" ชิ้นหนึ่ง ในการที่จะบรรลุการทำให้มีความเพียบพร้อมขั้นสุดท้ายของพวกเจ้า พวกเจ้าต้องเข้าสู่พระวจนะทั้งมวลของพระเจ้า การทำให้ผู้คนมีความเพียบพร้อมของพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นไม่ใช่เป็นการตบมือข้างเดียว พระองค์ทรงพึงประสงค์ต่อความร่วมมือของผู้คน พระองค์จำเป็นต้องทรงให้ทุกคนร่วมมือกับพระองค์อย่างมีสติรู้สึกตัว ไม่ว่าพระเจ้าตรัสสิ่งใดก็ตาม จงมุ่งเน้นเพียงการเข้าสู่พระวจนะของพระองค์—นี่จะให้ประโยชน์ต่อชีวิตของพวกเจ้ามากกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งการสัมฤทธิ์การเปลี่ยนแปลงในอุปนิสัยของพวกเจ้า เมื่อเจ้าเข้าสู่พระวจนะของพระเจ้า หัวใจของเจ้าจะได้รับการขับเคลื่อนโดยพระองค์ และเจ้าจะมีความสามารถที่จะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะสัมฤทธิ์ในขั้นตอนนี้ของพระราชกิจของพระองค์ และเจ้าก็จะมีปณิธานที่จะสัมฤทธิ์สิ่งเหล่านั้น ในช่วงระหว่างเวลาแห่งการตีสอน ได้มีพวกเหล่านั้นที่เชื่อว่า นี่เป็นวิธีการหนึ่งของพระราชกิจ และไม่ได้เชื่อในพระวจนะของพระเจ้า ผลลัพธ์ก็คือ พวกเขาไม่ได้ก้าวผ่านกระบวนการถลุง และได้ผุดออกมาจากเวลาแห่งการตีสอนโดยปราศจากการได้รับหรือการเข้าใจสิ่งใด มีบางคนที่เข้าสู่พระวจนะเหล่านี้อย่างแท้จริงโดยปราศจากเศษเสี้ยวแห่งความกังขา เป็นผู้ที่กล่าวว่าพระวจนะแห่งพระเจ้านั้นเป็นความจริงที่มิอาจผิดพลาดได้ และว่ามนุษยชาติควรได้รับการตีสอน พวกเขาได้ดิ้นรนอยู่ในนั้นเป็นช่วงเวลาหนึ่ง โดยการปล่อยมือจากอนาคตของพวกเขาและชะตาลิขิตของพวกเขา และเมื่อพวกเขาได้ผุดออกมา อุปนิสัยของพวกเขาก็ได้ก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง และพวกเขาได้รับความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้นประการหนึ่งเกี่ยวกับพระเจ้า บรรดาผู้ที่ได้ผุดออกมาจากการตีสอนล้วนได้รู้สึกถึงความน่ารักน่าชื่นชมของพระเจ้า และได้ตระหนักว่า ขั้นตอนนี้ของพระราชกิจได้จำแลงร่างความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่กำลังเคลื่อนลงมาสู่พวกเขา ตระหนักว่าขั้นตอนนี้คือการพิชิตชัยและความรอดแห่งความรักของพระเจ้า พวกเขายังได้กล่าวด้วยว่า พระดำริของพระเจ้านั้นดีงามเสมอ และว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเจ้าทรงทำในมนุษย์นั้นมาจากความรัก หาใช่ความเกลียดชังไม่ พวกเหล่านั้นที่ไม่ได้เชื่อในพระวจนะของพระเจ้า ผู้ที่ไม่ได้มองไปที่พระวจนะของพระเจ้า ไม่ได้ก้าวผ่านกระบวนการถลุงในช่วงระหว่างเวลาแห่งการตีสอน ผลลัพธ์จึงเป็นว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์มิได้สถิตอยู่กับพวกเขา และพวกเขาก็ไม่ได้รับสิ่งใดเลย สำหรับบรรดาผู้ที่เข้าสู่เวลาแห่งการตีสอน แม้ว่าพวกเขาไม่ได้ก้าวผ่านกระบวนการถลุง แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็กำลังทรงพระราชกิจอยู่อย่างซ่อนเร้นข้างในพวกเขา และผลลัพธ์ก็คือ อุปนิสัยชีวิตของพวกเขาก็ได้รับการเปลี่ยนแปลง บางคนในการปรากฏภายนอกทั้งหมดดูเหมือนเป็นบวกอย่างมาก เปี่ยมไปด้วยกำลังใจที่ดีตลอดทั้งวัน แต่พวกเขาไม่ได้เข้าสู่สภาวะของกระบวนการถลุงแห่งพระวจนะของพระเจ้า ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใดเลย อันเป็นผลสืบเนื่องของการที่ไม่เชื่อในพระวจนะของพระเจ้า หากเจ้าไม่เชื่อในพระวจนะของพระเจ้าแล้วไซร้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะไม่ทรงพระราชกิจในตัวเจ้า พระเจ้าทรงปรากฏต่อบรรดาผู้ที่เชื่อในพระวจนะของพระองค์ และบรรดาผู้ที่เชื่อและยอมรับพระวจนะของพระองค์ก็ย่อมจะมีความสามารถที่จะได้รับความรักของพระองค์!

เพื่อที่จะเข้าสู่ความเป็นจริงแห่งพระวจนะของพระเจ้า เจ้าควรค้นหาเส้นทางแห่งการปฏิบัติและรู้วิธีที่จะนำพระวจนะของพระเจ้าไปปฏิบัติ เพียงด้วยการนั้นเท่านั้น จึงจะมีการเปลี่ยนแปลงในอุปนิสัยชีวิตของเจ้า โดยผ่านทางเส้นทางนี้เท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้าได้ และเฉพาะผู้คนที่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้าในหนทางนี้เท่านั้น ที่สามารถอยู่ในแนวเดียวกับน้ำพระทัยของพระเจ้าได้ เพื่อที่จะรับความสว่างใหม่ เจ้าต้องดำรงชีวิตอยู่ภายในพระวจนะของพระเจ้า การได้รับการขับเคลื่อนโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์เพียงครั้งเดียวนั้นจะใช้การไม่ได้เลย—เจ้าต้องไปให้ลึกกว่านั้น สำหรับบรรดาผู้ที่ได้รับการขับเคลื่อนแต่เพียงครั้งเดียวนั้น ความกระตือรือร้นภายในของพวกเขาได้รับการปลุกเร้า และพวกเขาก็ปรารถนาที่จะแสวงหา แต่นี่ไม่สามารถยืนยาวอยู่ได้นาน พวกเขาต้องได้รับการขับเคลื่อนโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างสม่ำเสมอ หลายคราวในอดีต เราได้พาดพิงถึงความหวังของเราที่ว่า พระวิญญาณของพระเจ้าอาจขับเคลื่อนจิตวิญญาณของผู้คน เพื่อที่พวกเขาอาจไล่ตามเสาะหาการเปลี่ยนแปลงในอุปนิสัยชีวิตของพวกเขา และเพื่อที่พวกเขาอาจเข้าใจความไม่พอเพียงของตัวพวกเขาเองในขณะที่กำลังเสาะแสวงที่จะได้รับการขับเคลื่อนโดยพระเจ้า และอาจสลัดราคีทั้งหลายในตัวพวกเขา (การมองตัวเองชอบธรรมเสมอ ความโอหัง มโนคติที่หลงผิด และอื่นๆ) ทิ้งไปในกระบวนการของการได้รับประสบการณ์กับพระวจนะของพระเจ้า จงอย่าคิดว่าเพียงแค่การรับความสว่างใหม่ในเชิงรุกจะใช้การได้—เจ้าต้องสลัดทิ้งทั้งหมดที่เป็นลบด้วย ด้านหนึ่งนั้น พวกเจ้าจำเป็นต้องเข้าสู่จากแง่มุมที่เป็นบวก และอีกด้านหนึ่งนั้น เจ้าจำเป็นต้องขจัดทั้งหมดที่มีราคีมาจากแง่มุมลบออกไปจากตัวเจ้า เจ้าต้องตรวจสอบตัวเจ้าอย่างสม่ำเสมอเพื่อดูว่าราคีใดบ้างที่ยังคงดำรงอยู่ภายในตัวเจ้า มโนคติที่หลงผิดทางศาสนา ความหวัง การมองตนเองชอบธรรมเสมอ และความโอหังของมนุษยชาตินั้นล้วนเป็นสิ่งทั้งหลายที่ไม่สะอาด จงมองดูภายในตัวเจ้าและนำทุกสิ่งทุกอย่างมาวางเทียบกับพระวจนะทั้งปวงของพระเจ้าที่เป็นวิวรณ์ เพื่อให้เห็นว่า มโนคติที่หลงผิดทางศาสนาอันใดบ้างที่เจ้ามี เฉพาะเมื่อเจ้าตระหนักถึงมโนคติที่หลงผิดเหล่านั้นอย่างแท้จริงแล้วเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถสลัดมโนคติที่หลงผิดเหล่านั้นทิ้งไปได้ ผู้คนบางคนกล่าวว่า "ตอนนี้ เพียงแค่ติดตามความสว่างแห่งพระราชกิจปัจจุบันของพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็มากพอแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องยุ่งยากไปกับสิ่งอื่นใดเลย" แต่แล้ว เมื่อมโนคติที่หลงผิดทางศาสนาทั้งหลายเกิดขึ้นมา เจ้าจะขจัดสิ่งเหล่านั้นออกไปอย่างไรเล่า? เจ้าคิดว่าการติดตามพระวจนะของพระเจ้าในวันนี้นั้นเป็นสิ่งเรียบง่ายที่จะทำอย่างนั้นหรือ? หากเจ้าเป็นใครคนหนึ่งของศาสนา การหยุดชะงักสามารถเกิดขึ้นได้จากมโนคติที่หลงผิดทางศาสนาของเจ้ากับทฤษฎีเชิงเทววิทยาดั้งเดิมในหัวใจของเจ้า และเมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น มันแทรกแซงการยอมรับสิ่งใหม่ๆ ของเจ้า เหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาทั้งหลายที่เป็นจริง หากเจ้าเพียงไล่ตามเสาะหาพระวจนะปัจจุบันของพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น เจ้าย่อมไม่สามารถทำให้น้ำพระทัยของพระเจ้าลุล่วงได้ ในเวลาเดียวกับที่เจ้าไล่ตามเสาะหาความสว่างปัจจุบันของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เจ้าก็ควรระลึกได้ว่ามโนคติที่หลงผิดและเจตนาอันใดบ้างที่เจ้าเก็บงำไว้ และการมองเห็นตัวเองชอบธรรมเสมอแบบมนุษย์อันใดที่เจ้ามี และพฤติกรรมใดบ้างที่เป็นการไม่เชื่อฟังพระเจ้า และหลังจากที่เจ้าได้ระลึกรู้สิ่งเหล่านี้ทั้งปวงแล้ว เจ้าต้องสลัดพวกมันทิ้งไป การที่ให้เจ้าละทิ้งการกระทำและพฤติกรรมทั้งหลายที่เคยมีมาก่อนนั้นล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งการเปิดโอกาสให้เจ้าติดตามพระวจนะทั้งหลายที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสในวันนี้ได้ ด้านหนึ่งนั้น การเปลี่ยนแปลงในอุปนิสัยสัมฤทธิ์โดยผ่านทางพระวจนะของพระเจ้า และอีกด้านหนึ่งนั้น มันก็พึงต้องมีความร่วมมือในส่วนของมนุษยชาติ มีพระราชกิจของพระเจ้า แล้วก็มีการปฏิบัติของมนุษย์ ทั้งสองเป็นสิ่งที่ขาดเสียมิได้เลย

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ผู้คนที่ได้เปลี่ยนแปลงอุปนิสัยแล้วคือบรรดาผู้ที่ได้เข้าไปสู่ความเป็นจริงแห่งพระวจนะของพระเจ้าแล้ว

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger