พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การเข้าสู่ชีวิต | บทตัดตอน 439

วันที่ 08 เดือน 02 ปี 2024

การตั้งมั่นในคำพยานของคนเราหมายความว่าอย่างไร? ผู้คนบางคนกล่าวว่าพวกเขาเพียงแค่ติดตามอย่างที่พวกเขาทำในขณะนี้และไม่ได้เป็นกังวลกับตัวพวกเขาเองว่าพวกเขาจะสามารถได้รับชีวิตหรือไม่ พวกเขาไม่ไล่ตามเสาะหาชีวิต แต่พวกเขาก็ไม่ได้ถอนตัวเช่นกัน พวกเขารับรู้เพียงว่าพระราชกิจช่วงระยะนี้ดำเนินการโดยพระเจ้า นี่ไม่ใช่ความล้มเหลวในคำพยานของพวกเขาหรอกหรือ? ผู้คนเช่นนั้นไม่แม้แต่จะเป็นคำพยานของการได้รับการพิชิตเสียด้วยซ้ำ บรรดาผู้ที่ได้รับการพิชิตแล้วจะติดตามไม่ว่าเรื่องอื่นๆ ทั้งหมดจะเป็นอย่างไรก็ตาม และสามารถไล่ตามเสาะหาชีวิตได้ พวกเขาไม่เพียงแค่เชื่อในพระเจ้าผู้ทรงสัมพันธ์กับชีวิตจริงเท่านั้น แต่ยังรู้ที่จะติดตามการจัดการเตรียมการทั้งหมดของพระเจ้าอีกด้วย เช่นนั้นคือบรรดาผู้ที่เป็นคำพยาน พวกที่ไม่ได้เป็นคำพยานไม่เคยไล่ตามเสาะหาชีวิตและยังคงติดตามอย่างสับสนปนเปไปตลอดทาง เจ้าอาจติดตาม แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเจ้าได้รับการพิชิตแล้ว เพราะเจ้าไม่มีความเข้าใจในเรื่องพระราชกิจของพระเจ้าในวันนี้ จะต้องมีการปฏิบัติให้ได้ตามสภาพเงื่อนไขบางอย่างเพื่อที่จะได้รับการพิชิต ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ติดตามได้รับการพิชิตแล้ว เพราะในหัวใจของเจ้านั้นเจ้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเจ้าจึงจะต้องติดตามพระเจ้าของวันนี้ อีกทั้งเจ้าไม่รู้ว่าเจ้าได้มาถึงวันนี้ได้อย่างไร ใครได้สนับสนุนเจ้ามาจนกระทั่งถึงวันนี้ การปฏิบัติความเชื่อในพระเจ้าของผู้คนบางคนนั้นวุ่นวายสับสนในหัวตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ การติดตามจึงไม่จำเป็นต้องหมายความว่าเจ้ามีคำพยาน คำพยานที่แท้จริงนั้นคืออะไรกันแน่? คำพยานที่พูดถึงในที่นี้มีสองส่วนดังนี้ ส่วนหนึ่งคือคำพยานถึงการได้รับการพิชิต และอีกส่วนคือคำพยานถึงการได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม (ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วจะเป็นคำพยานหลังการทดสอบอันยิ่งใหญ่มากขึ้นและความทุกข์ลำบากของอนาคต) กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ หากเจ้าสามารถตั้งมั่นในระหว่างความทุกข์ลำบากและการทดสอบทั้งหลาย เช่นนั้นเจ้าก็จะได้เป็นคำพยานขั้นที่สองแล้ว สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในวันนี้ก็คือคำพยานในขั้นที่หนึ่ง นั่นคือ การมีความสามารถที่จะตั้งมั่นได้ในระหว่างทุกๆ สถานการณ์ของการทดสอบแห่งการตีสอนและการพิพากษา นี่คือคำพยานของการได้รับการพิชิต นั่นเป็นเพราะบัดนี้คือเวลาแห่งการพิชิตชัย (เจ้าควรรู้ว่าบัดนี้เป็นเวลาแห่งพระราชกิจของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก พระราชกิจหลักบนแผ่นดินโลกของพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์คือการพิชิตผู้คนบนแผ่นดินโลกกลุ่มนี้ซึ่งติดตามพระองค์โดยผ่านทางการพิพากษาและการตีสอน) การที่เจ้าจะสามารถเป็นคำพยานถึงการได้รับการพิชิตได้หรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงแค่ว่าเจ้าจะสามารถติดตามไปจนถึงที่สุดได้หรือไม่เท่านั้น แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ขึ้นอยู่กับว่า เจ้าจะสามารถเข้าใจการตีสอนและการพิพากษาของพระเจ้าอย่างแท้จริงได้หรือไม่ ในขณะที่เจ้าได้รับประสบการณ์กับพระราชกิจของพระเจ้าในแต่ละขั้น และขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะล่วงรู้พระราชกิจนี้ทั้งหมดอย่างแท้จริงหรือไม่ เจ้าจะไม่สามารถหลุดรอดไปได้โดยแค่ติดตามไปจนถึงที่สุดเพียงเท่านั้น เจ้าจะต้องมีความสามารถที่จะยอมจำนนอย่างเต็มใจในระหว่างทุกๆ สถานการณ์ของการตีสอนและการพิพากษา จะต้องสามารถเข้าใจพระราชกิจแต่ละขั้นตอนที่เจ้าได้รับประสบการณ์อย่างแท้จริง และจะต้องสามารถได้รับความรู้เกี่ยวกับพระอุปนิสัยของพระเจ้าและการเชื่อฟังพระอุปนิสัยของพระเจ้า นี่คือคำพยานขั้นสุดท้ายของการได้รับการพิชิตซึ่งเจ้าพึงต้องแบกรับ คำพยานถึงการได้รับการพิชิตอ้างอิงถึงความรู้ของเจ้าในเรื่องการบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระเจ้าเป็นสำคัญ คำพยานขั้นนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระเจ้า ไม่สำคัญว่าเจ้าทำหรือพูดอะไรต่อหน้าผู้คนบนโลกนี้หรือพวกที่กุมอำนาจ สิ่งที่สำคัญเหนืออื่นใดก็คือ เจ้าสามารถที่จะเชื่อฟังพระวจนะทั้งหมดจากพระโอษฐ์ของพระเจ้าและพระราชกิจทั้งหมดของพระองค์หรือไม่ ดังนั้น คำพยานขั้นนี้จึงชี้ไปที่ซาตานและเหล่าศัตรูทั้งหมดของพระเจ้า—เหล่าปีศาจและศัตรูทั้งหลายซึ่งไม่เชื่อว่าพระเจ้าจะทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เป็นครั้งที่สองและเสด็จมาเพื่อทรงพระราชกิจที่ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก และยิ่งไปกว่านั้น ไม่เชื่อในข้อเท็จจริงเรื่องการกลับมาบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระเจ้า กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ มันชี้ไปที่เหล่าศัตรูของพระคริสต์ทั้งหมด—ศัตรูทั้งหมดซึ่งไม่เชื่อในการบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระเจ้า

การคิดถึงพระเจ้าและการโหยหาพระเจ้าไม่ได้พิสูจน์ว่าพระเจ้าได้พิชิตเจ้าแล้ว นี่ขึ้นอยู่กับการที่เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าพระองค์คือพระวจนะที่ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าพระวจนะได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ และเจ้าเชื่อหรือไม่ว่าพระวิญญาณได้ทรงกลายเป็นพระวจนะ และพระวจนะได้ทรงปรากฏเป็นมนุษย์ นี่คือคำพยานสำคัญ ไม่สำคัญว่าเจ้าจะติดตามอย่างไร อีกทั้งไม่สำคัญว่าเจ้าจะสละตัวเจ้าเองอย่างไร สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือเจ้ามีความสามารถที่จะค้นพบจากสภาวะความเป็นมนุษย์ปกตินี้ได้หรือไม่ว่า พระวจนะได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์และพระวิญญาณแห่งความจริงได้เป็นที่ประจักษ์ในเนื้อหนัง—ค้นพบว่าความจริง หนทาง และชีวิตทั้งหมดนั้นได้มาในเนื้อหนังแล้ว พระวิญญาณของพระเจ้าได้เสด็จมาถึงแผ่นดินโลกแล้วจริงๆ และพระวิญญาณได้เสด็จมาในเนื้อหนังแล้ว แม้ว่าโดยผิวเผินแล้ว การนี้ดูเหมือนแตกต่างไปจากการปฏิสนธิโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในพระราชกิจนี้เจ้ามีความสามารถที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นว่าพระวิญญาณได้เป็นที่ประจักษ์ในเนื้อหนังแล้ว และยิ่งไปกว่านั้น มองเห็นได้ว่าพระวจนะได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์และพระวจนะได้ทรงปรากฏเป็นมนุษย์ เจ้าสามารถเข้าใจความหมายที่แท้จริงของพระวจนะที่ว่า "ในปฐมกาลพระวาทะทรงดำรงอยู่ และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า" ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าจะต้องเข้าใจว่าพระวจนะของวันนี้คือพระเจ้า และมองเห็นว่าพระวจนะทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ นี่คือคำพยานที่ดีที่สุดที่เจ้าสามารถเป็นได้ นี่พิสูจน์ว่าเจ้าครอบครองความรู้ที่แท้จริงในเรื่องพระเจ้าทรงบังเกิดเป็นมนุษย์—เจ้าไม่เพียงแค่มีความสามารถที่จะรู้จักพระองค์เท่านั้น แต่ยังตระหนักรู้อีกด้วยว่าหนทางที่เจ้าก้าวเดินในวันนี้คือหนทางแห่งชีวิต และหนทางแห่งความจริง พระราชกิจในช่วงระยะที่พระเยซูได้ทรงปฏิบัตินั้นเพียงแค่ทำให้เนื้อแท้ของ "พระวจนะทรงอยู่กับพระเจ้า" ลุล่วงไปเท่านั้น กล่าวคือ ความจริงเรื่องพระเจ้าทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าทรงอยู่กับเนื้อหนังและไม่สามารถแยกจากเนื้อหนังนั้นได้ นั่นคือ เนื้อหนังของพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์นั้นอยู่กับพระวิญญาณของพระเจ้า ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์อันยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้นว่าพระเยซูผู้ซึ่งจุติมาเป็นมนุษย์ทรงเป็นการจุติเป็นมนุษย์ครั้งแรกของพระเจ้า พระราชกิจช่วงระยะนี้ทำให้ความหมายภายในของคำว่า "พระวจนะทรงบังเกิดเป็นมนุษย์" ลุล่วงไปอย่างแท้จริง ให้ความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นต่อคำว่า "พระวจนะทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวจนะทรงเป็นพระเจ้า" และเปิดโอกาสให้เจ้าเชื่ออย่างมั่นคงในพระวจนะที่ว่า "ในปฐมกาลพระวจนะทรงดำรงอยู่" กล่าวคือ ณ เวลาแห่งการทรงสร้างสรรพสิ่งพระเจ้าทรงถูกครอบครองโดยพระวจนะ พระวจนะของพระองค์ทรงอยู่กับพระองค์และไม่สามารถแยกจากพระองค์ได้ และในยุคสุดท้าย พระองค์ทรงทำให้ฤทธานุภาพและสิทธิอำนาจของพระวจนะของพระองค์แจ่มชัดยิ่งขึ้นไปอีก และเปิดโอกาสให้มนุษย์ได้เห็นหนทางทั้งหมดของพระองค์—ได้ยินพระวจนะทั้งหมดของพระองค์ เช่นนั้นคือพระราชกิจของยุคสุดท้าย เจ้าจะต้องมาเข้าใจสิ่งต่างๆ เหล่านี้อย่างทะลุปรุโปร่ง มันไม่ใช่ประเด็นเกี่ยวกับการรู้จักเนื้อหนัง แต่เกี่ยวกับว่าเจ้าเข้าใจเนื้อหนังและพระวจนะอย่างไร นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องเป็นคำพยาน สิ่งที่ทุกคนต้องรู้ เนื่องจากนี่เป็นพระราชกิจของการทรงจุติเป็นมนุษย์ครั้งที่สอง—และเป็นครั้งสุดท้ายที่พระเจ้าทรงบังเกิดเป็นมนุษย์—จึงทำให้นัยสำคัญของการจุติเป็นมนุษย์นั้นครบบริบูรณ์อย่างเต็มเปี่ยม ดำเนินการและส่งพระราชกิจทั้งหมดของพระเจ้าในเนื้อหนังออกไปอย่างละเอียดถี่ถ้วน และนำยุคแห่งการทรงเป็นมนุษย์ของพระเจ้าไปสู่บทอวสาน ด้วยเหตุนี้ เจ้าจึงต้องรู้ความหมายของการจุติเป็นมนุษย์ ไม่สำคัญว่าเจ้าจะยุ่งกับการดำเนินงานมากเพียงใด และไม่สำคัญว่าเจ้าจะดำเนินการเรื่องภายนอกอื่นๆ ได้ดีเพียงใด สิ่งที่สำคัญคือ เจ้ามีความสามารถที่จะนบนอบเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์ได้อย่างแท้จริงและอุทิศการเป็นอยู่ทั้งหมดทั้งมวลของเจ้าแด่พระเจ้า และเชื่อฟังพระวจนะทั้งหมดซึ่งมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ได้หรือไม่ นี่คือสิ่งที่เจ้าควรทำ และสิ่งที่เจ้าควรปฏิบัติตาม

คำพยานขั้นสุดท้ายคือคำพยานในเรื่องที่ว่าเจ้ามีความสามารถที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมได้หรือไม่—กล่าวคือ เมื่อได้เข้าใจพระวจนะทั้งหมดที่ตรัสจากพระโอษฐ์ของพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์แล้ว เจ้าได้มาครอบครองความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าและได้กลายเป็นมั่นใจในพระองค์ เจ้าใช้ชีวิตตามพระวจนะทั้งหมดจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า และสัมฤทธิ์สภาพเงื่อนไขต่างๆ ที่พระเจ้าทรงขอจากเจ้า—ซึ่งก็คือรูปแบบของเปโตรและความเชื่อของโยบ—จนถึงขนาดที่เจ้าสามารถเชื่อฟังไปจนวันตาย ยอมสละตัวเจ้าเองทั้งหมดแด่พระองค์ และสัมฤทธิ์ฉายาของบุคคลซึ่งได้มาตรฐานในท้ายที่สุด ซึ่งหมายถึงฉายาของใครบางคนที่ได้รับการพิชิตและได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมหลังจากที่ได้รับประสบการณ์กับการพิพากษาและการตีสอนของพระเจ้า นี่คือคำพยานขั้นสุดท้าย—คือคำพยานซึ่งผู้ที่ในที่สุดแล้วได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมควรจะเป็น เหล่านี้คือคำพยานสองขั้นตอนที่เจ้าควรจะเป็น และคำพยานเหล่านี้สัมพันธ์กัน แต่ละประการนั้นจะขาดเสียไม่ได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เจ้าจะต้องรู้ กล่าวคือ คำพยานที่เราพึงประสงค์จากเจ้าในวันนี้ไม่ได้ชี้ไปที่ผู้คนของโลก อีกทั้งไม่ใช่บุคคลหนึ่งบุคคลใด แต่ชี้ไปที่สิ่งซึ่งเราขอจากเจ้า มันถูกประเมินวัดจากการที่เจ้ามีความสามารถที่จะทำให้เราพึงพอใจได้หรือไม่ และเจ้ามีความสามารถที่จะทำตามมาตรฐานทั้งหลายแห่งข้อพึงประสงค์ต่างๆ ที่เรามีต่อพวกเจ้าแต่ละคนได้โดยครบบริบูรณ์หรือไม่ นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าควรเข้าใจ

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การปฏิบัติ (4)

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

Leave a Reply

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger