พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 35

พระสัญญาของพระเจ้าต่ออับราฮัม (บทตอนที่คัดมา)

ปฐมกาล 22:16-18 พระยาห์เวห์ตรัสว่า เราเองปฏิญาณว่า เพราะเจ้าทำอย่างนี้และไม่ได้หวงบุตรชายของเจ้า คือบุตรชายคนเดียวของเจ้า ดังนั้นเราจะอวยพรเจ้าแน่ เราจะทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากขึ้น ดังดวงดาวในท้องฟ้า และดังเม็ดทรายบนฝั่งทะเล เชื้อสายของเจ้าจะได้ประตูเมืองศัตรูทั้งหลายของเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์ ประชาชาติทั้งหมดในโลกจะได้พรเพราะเชื้อสายของเจ้า เพราะว่าเจ้าเชื่อฟังเรา

การได้รับบรรดาผู้ที่รู้จักพระเจ้าและสามารถเป็นพยานต่อพระองค์ได้คือความปรารถนาที่ไม่เปลี่ยนแปลงของพระเจ้า

ในขณะเดียวกันกับที่ตรัสกับพระองค์เอง พระเจ้าก็ได้ตรัสกับอับราฮัมด้วย แต่นอกเหนือจากการได้ยินพระพรที่พระเจ้าได้ทรงมอบแก่เขาแล้วนั้น อับราฮัมสามารถเข้าใจความปรารถนาที่แท้จริงของพระเจ้าในพระวจนะทั้งหมดของพระองค์ ณ ชั่วขณะนั้นหรือไม่? เขาไม่สามารถ! ดังนั้น ณ ชั่วขณะนั้น เมื่อพระเจ้าได้ทรงปฏิญาณด้วยพระองค์เอง พระทัยของพระองค์ยังคงโดดเดี่ยวและโทมนัส ยังคงไม่มีสักบุคคลหนึ่งที่สามารถเข้าใจหรือจับใจความสิ่งที่พระองค์ตั้งพระทัยและทรงวางแผนไว้ได้ ณ ชั่วขณะนั้น ไม่มีใคร แม้กระทั่งอับราฮัม ที่สามารถพูดกับพระองค์ด้วยความมั่นใจ นับประสาอะไรที่จะมีใครสักคนที่สามารถร่วมมือกับพระองค์ในการทรงพระราชกิจที่พระองค์ต้องทรงทำ โดยผิวเผินแล้วนั้น พระเจ้าได้ทรงรับอับราฮัมไว้แล้ว ซึ่งเป็นใครบางคนที่สามารถเชื่อฟังพระวจนะของพระองค์ได้ แต่ในความเป็นจริง ความรู้ของบุคคลนี้เกี่ยวกับพระเจ้านั้นแทบจะไม่มีอะไรมากไปกว่าความว่างเปล่า ถึงแม้ว่าพระเจ้าจะได้ทรงอวยพรอับราฮัมแล้ว แต่พระทัยของพระเจ้าก็ยังคงไม่พึงพอพระทัย การที่พระเจ้าไม่พึงพอพระทัยหมายความว่าอย่างไร? นั่นหมายความว่าการบริหารจัดการของพระองค์เพิ่งจะได้เริ่มต้นขึ้นเท่านั้น นั่นหมายความว่าผู้คนที่พระองค์ทรงต้องประสงค์ที่จะได้รับ ผู้คนที่พระองค์ทรงถวิลหารอคอยที่จะได้เห็น ผู้คนที่พระองค์ทรงรัก ยังคงอยู่ห่างไกลจากพระองค์ พระองค์ทรงจำเป็นต้องใช้เวลา พระองค์ทรงจำเป็นต้องรอคอย พระองค์ทรงจำเป็นต้องอดทน เพราะ ณ ชั่วขณะนั้น นอกเหนือจากพระเจ้าพระองค์เองแล้วก็ไม่มีผู้ใดที่รู้ว่าพระองค์ทรงจำเป็นต้องมีสิ่งใด หรือพระองค์ทรงปรารถนาที่จะได้รับสิ่งใด หรือพระองค์ทรงถวิลหารอคอยสิ่งใด ดังนั้น ในขณะเดียวกันกับที่พระเจ้ากำลังทรงรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง พระเจ้าก็ทรงรู้สึกหนักพระทัยด้วยเช่นกัน กระนั้นพระองค์ก็ยังไม่ทรงหยุดขั้นตอนของพระองค์ และพระองค์ยังทรงวางแผนขั้นตอนต่อไปของสิ่งที่พระองค์ต้องทรงทำอย่างต่อเนื่อง

พวกเจ้ามองเห็นสิ่งใดในพระสัญญาของพระเจ้าต่ออับราฮัม? พระเจ้าได้ประทานพระพรอันยิ่งใหญ่ให้แก่อับราฮัมเพียงเพราะเขาได้เชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า แม้ว่าโดยผิวเผินแล้วนี่จะดูเหมือนปกติและเป็นเรื่องตามครรลอง แต่พวกเรามองเห็นพระทัยของพระเจ้าในการนั้น กล่าวคือ พระเจ้าทรงทะนุถนอมความล้ำค่าเป็นพิเศษต่อการเชื่อฟังพระองค์ของมนุษย์ และทรงเชิดชูความเข้าใจพระองค์และความจริงใจต่อพระองค์ของมนุษย์ พระเจ้าทรงเชิดชูความจริงใจนี้มากเพียงใด? พวกเจ้าอาจไม่เข้าใจว่าพระองค์ทรงเชิดชูมันมากเพียงใด และอาจไม่มีผู้ใดที่ตระหนักถึงมันด้วยซ้ำ พระเจ้าได้ประทานบุตรชายคนหนึ่งให้อับราฮัม และเมื่อบุตรชายคนนี้เติบโตขึ้นแล้ว พระเจ้าได้ทรงขอให้อับราฮัมถวายบุตรชายของเขาแก่พระเจ้า อับราฮัมปฏิบัติตามพระบัญชาของพระเจ้าตามตัวอักษร เขาเชื่อฟังพระวจนะของพระองค์ และความจริงใจของเขาทำให้พระเจ้าทรงตื้นตันและพระเจ้าทรงทะนุถนอมความล้ำค่าของความจริงใจของเขา พระเจ้าทรงทะนุถนอมความล้ำค่าของมันมากเพียงใด? และเหตุใดพระองค์จึงทรงทะนุถนอมความล้ำค่าของมัน? ในเวลาที่ไม่มีผู้ใดจับใจความพระวจนะของพระเจ้าหรือเข้าใจพระทัยของพระองค์ อับราฮัมได้ทำในสิ่งที่สั่นสะเทือนฟ้าสวรรค์และทำให้แผ่นดินโลกสั่นไหว และนั่นทำให้พระเจ้าทรงรู้สึกถึงสำนึกรับรู้แห่งความพึงพอพระทัยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และนำความชื่นชมยินดีจากการได้รับใครบางคนที่สามารถเชื่อฟังพระวจนะของพระองค์ได้มาให้พระเจ้า ความพึงพอพระทัยและความชื่นชมยินดีนี้มาจากสิ่งทรงสร้างหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยพระหัตถ์ของพระเจ้าเอง และเป็น "การพลีอุทิศ" แรกที่มนุษย์ได้ถวายแด่พระเจ้าและที่พระเจ้าทรงทะนุถนอมความล้ำค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ที่มนุษย์ได้ถูกสร้างขึ้นมา พระเจ้าได้เคยทรงมีเวลาที่ยากลำบากในการรอคอยการพลีอุทิศนี้ และพระองค์ได้ทรงปฏิบัติกับมันเสมือนของขวัญชิ้นแรกที่สำคัญมากที่สุดจากมนุษย์ ผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงสร้างขึ้นมา มันแสดงให้พระเจ้าทอดพระเนตรเห็นดอกผลแรกแห่งความเพียรพยายามของพระองค์และจากราคาที่พระองค์ได้ทรงจ่ายไป และมันทำให้พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นความหวังในมวลมนุษย์ หลังจากนั้นเป็นต้นมา พระเจ้าได้ทรงมีความโหยหายิ่งใหญ่ขึ้นกว่านั้นในการที่จะให้กลุ่มผู้คนเช่นนั้นรักษาพระองค์ไว้เป็นสหาย ปฏิบัติต่อพระองค์ด้วยความจริงใจ และเอาใจใส่พระองค์ด้วยความจริงใจ พระเจ้าทรงถึงขั้นหวังที่จะให้อับราฮัมดำรงชีวิตอยู่ต่อไป เพราะพระองค์ทรงปรารถนาที่จะให้มีหัวใจเช่นหัวใจของอับราฮัมได้ไปพร้อมกับพระองค์และอยู่กับพระองค์ในขณะที่พระองค์ทรงดำเนินการต่อไปในการบริหารจัดการของพระองค์ ไม่สำคัญว่าพระเจ้าทรงต้องประสงค์สิ่งใด มันเป็นเพียงความปรารถนา เป็นเพียงแนวคิด—เพราะอับราฮัมเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งผู้ซึ่งสามารถเชื่อฟังพระองค์ และไม่มีความเข้าใจหรือความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าเลยแม้แต่น้อย อับราฮัมคือใครบางคนที่ขาดมาตรฐานแห่งข้อพึงประสงค์ของพระเจ้าที่ทรงมีต่อมนุษย์เป็นอย่างมาก ซึ่งก็คือ การรู้จักพระเจ้า การสามารถเป็นพยานต่อพระเจ้า และการมีจิตใจเดียวกันกับพระเจ้า ดังนั้น อับราฮัมจึงไม่สามารถเดินไปกับพระเจ้าได้ ในการที่อับราฮัมถวายอิสอัคนั้น พระเจ้าได้ทอดพระเนตรเห็นความจริงใจและการเชื่อฟังของอับราฮัม และทอดพระเนตรเห็นว่าเขาได้ทนทานต่อการที่พระเจ้าทรงทดสอบเขา ถึงแม้ว่าพระเจ้าจะได้ทรงยอมรับความจริงใจและการเชื่อฟังของเขาแล้ว เขาก็ยังคงไม่มีค่าคู่ควรในการกลายเป็นคนสนิทของพระเจ้า ในการกลายเป็นใครบางคนที่รู้จักและเข้าใจพระเจ้า และใครบางคนที่มีความรู้เกี่ยวกับพระอุปนิสัยของพระเจ้า เขายังห่างไกลจากการมีจิตใจเดียวกันกับพระเจ้าและการทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ดังนั้น ในพระทัยของพระองค์ พระเจ้าจึงยังคงทรงโดดเดี่ยวและกระวนกระวาย ยิ่งพระเจ้าทรงโดดเดี่ยวและกระวนกระวายมากขึ้นเท่าใด พระองค์ก็ยิ่งจำเป็นต้องทรงดำเนินการบริหารจัดการของพระองค์ต่อไปโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และต้องสามารถคัดเลือกและได้รับกลุ่มผู้คนเพื่อมาทำแผนการบริหารจัดการของพระองค์ให้สำเร็จลุล่วงและสัมฤทธิ์ผลตามน้ำพระทัยของพระองค์โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้มากขึ้นเท่านั้น นี่คือความปรารถนาอันแรงกล้าของพระเจ้า และมันยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากจุดเริ่มต้นจนกระทั่งถึงวันนี้ นับตั้งแต่ที่พระองค์ได้ทรงสร้างมนุษย์ในปฐมกาล พระเจ้าทรงโหยหากลุ่มผู้มีชัยชนะมาโดยตลอด ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะเดินไปกับพระองค์และสามารถเข้าใจ รู้จัก และจับใจความพระอุปนิสัยของพระองค์ได้ ความปรารถนานี้ของพระเจ้าไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าพระองค์ยังคงต้องทรงรอคอยนานเพียงใด ไม่ว่าถนนข้างหน้าอาจจะยากลำบากเพียงใด และไม่ว่าวัตถุประสงค์ที่พระองค์ทรงโหยหานั้นอาจจะอยู่ไกลออกไปเพียงใด พระเจ้าก็ไม่เคยทรงปรับเปลี่ยนหรือล้มเลิกความคาดหวังในตัวมนุษย์ของพระองค์ บัดนี้ที่เราได้กล่าวเรื่องนี้ไปแล้ว พวกเจ้าตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างที่พระเจ้าทรงปรารถนาหรือไม่? บางทีสิ่งที่พวกเจ้าตระหนักอาจจะไม่ลุ่มลึกมากนัก—แต่มันจะค่อยเกิดขึ้นทีละน้อย!

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระราชกิจของพระเจ้า พระอุปนิสัยของพระเจ้า และพระเจ้าพระองค์เอง 2

Scripture quotations are from The Holy Bible-Thai Standard Version, copyright © 2014 by Thailand Bible Society. Used by permission. All rights reserved.

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การเปิดโปงมโนคติอันหลงผิดทางศาสนา | บทตัดตอน 294

ใครก็ตามที่ไม่เข้าใจจุดประสงค์ของพระราชกิจของพระเจ้าคือผู้ที่ต่อต้านพระองค์ และใครก็ตามที่ได้มาเข้าใจจุดประสงค์ของพระราชกิจของพระเจ้าแล้ว...

พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การเข้าสู่ชีวิต | บทตัดตอน 416

เจ้าไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการอธิษฐานในชีวิตประจำวันของพวกเจ้า มนุษย์ละเลยในเรื่องของการอธิษฐาน การอธิษฐานเคยเป็นเรื่องที่ทำอย่างขอไปที...

พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: ความล้ำลึกเกี่ยวกับพระคัมภีร์ | บทตัดตอน 268

หากเจ้าปรารถนาที่จะพบเห็นพระราชกิจของยุคธรรมบัญญัติ และดูว่าชาวอิสราเอลติดตามหนทางของพระยาห์เวห์อย่างไร เช่นนั้นแล้ว...

พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 56

ถึงแม้ว่าพระเจ้าจะทรงซ่อนเร้นจากมนุษย์ แต่กิจการทั้งหลายของพระองค์ท่ามกลางสรรพสิ่งก็เพียงพอสำหรับมนุษย์ที่จะรู้จักพระองค์...

ติดต่อเราผ่าน Messenger