ในปีค.ศ. 1991 บุตรมนุษย์ผู้ทรงปรากฏเป็นมนุษย์—พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์—ได้ทรงแสดงความจริงในคริสตจักรบ้านแห่งหนึ่ง ตั้งต้นพระราชกิจแห่งการพิพากษาโดยเริ่มด้วยพระนิเวศของพระเจ้า ประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรอ่านถ้อยดำรัสของพระองค์ทุกวัน และชื่นชมพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเขาทั้งหมดเชื่อว่าเป็นบทสรุปที่รู้กันอยู่แล้วว่าพวกเขาจะเป็นประชากรแห่งราชอาณาจักรของพระเจ้าที่จะเข้าสู่ราชอาณาจักรแห่งสวรรค์ในระหว่างชั่วชีวิตของพวกเขาอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงเร่งรีบและสละตัวพวกเขาเองอย่างกระตือรือร้น และตัวละครหลักก็ไม่ยกเว้น อย่างไรก็ตาม ขณะที่พวกเขาถูกห่อหุ้มด้วยความชื่นบานของการได้รับพระพรอยู่นั่นเอง พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ก็ทรงแสดงพระวจนะที่เปิดโปงว่าซาตานได้ทำให้มนุษย์เสื่อมทรามอย่างลึกซึ้งเพียงใด พวกเขาเต็มไปด้วยอุปนิสัยเยี่ยงซาตาน อาทิ ความโอหัง ความหลอกลวง ความเห็นแก่ตัว และความโลภอย่างไร และพวกเขาพูดโกหก กระทำบาป และต้านทานพระเจ้าอยู่เนืองนิตย์อย่างไร พระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์แถลงว่าหากอุปนิสัยในการดำเนินชีวิตของผู้คนไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลง พวกเขาก็จะเผชิญหน้ากับความตายที่แน่นอนเมื่อความวิบัติครั้งใหญ่มาถึง ความฝันของประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรที่จะเข้าสู่ราชอาณาจักรแห่งสวรรค์ในระหว่างชั่วชีวิตของพวกเขาถูกพังทลายไป ความหวังสำหรับอนาคตของพวกเขาจางหายไป หัวใจของพวกเขาแตกร้าวด้วยความเจ็บปวด และพวกเขาไปไกลถึงขั้นร้องทุกข์ต่อพระเจ้าด้วยซ้ำ แต่หลังจากได้รับประสบการณ์กับการพิพากษาและการเปิดเผยของพระวจนะของพระเจ้า พวกเขาก็มามีความเข้าใจบ้างเกี่ยวกับความพึงปรารถนาอันฟุ้งเฟ้อของพวกเขาเองที่มีต่อพระพรและการเข้าสู่ราชอาณาจักรแห่งสวรรค์ และเกี่ยวกับมโนคติที่หลงผิดและจินตนาการของพวกเขา พวกเขาเห็นว่าพระอุปนิสัยของพระเจ้านั้นบริสุทธิ์และชอบธรรม และจะไม่ทนยอมรับการล่วงเกิน พวกเขาเห็นว่า เมื่อพวกเขาเต็มไปด้วยอุปนิสัยเยี่ยงซาตาน พวกเขาก็ไม่ควรค่าที่จะเข้าสู่ราชอาณาจักรแห่งสวรรค์ เช่นนั้นแล้วพวกเขาจึงกลายเป็นมีความสามารถที่จะปล่อยวางสิ่งจูงใจของพวกเขาที่จะได้รับพระพร นบนอบต่อกฎเกณฑ์และการจัดการเตรียมการของพระเจ้า และเริ่มมุ่งเน้นไปที่การไล่ตามเสาะหาความจริง ในท้ายที่สุด พวกเขาก็เห็นว่าการพิพากษาและบททดสอบของพระเจ้าล้วนเป็นไปเพื่อชำระพวกเขาให้สะอาดและช่วยพวกเขาให้รอดทั้งสิ้น